การเปรียบเทียบศาสนาและการทำกรรม GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 32
หน้าที่ 32 / 270

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอการเปรียบเทียบหลักการของศาสนาต่าง ๆ เช่น พราหมณ์ที่สอนว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างและกำหนดโชคชะตา ในขณะที่ศาสนาคริสต์มีการสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า ศาสนาชินโตเชื่อในพิธีล้างบาปด้วยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ และพระพุทธศาสนาที่เน้นความรับผิดชอบในกรรมและการกระทำที่ตนเองเป็นผู้เลือก ซึ่งย้ำว่าเราเป็นที่พึ่งของตนเอง

หัวข้อประเด็น

-ศาสนาพราหมณ์
-ศาสนาคริสต์
-ศาสนาชินโต
-พระพุทธศาสนา
-กรรมและบาป
-การอ้อนวอนต่อเทพเจ้

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ศาสนาพราหมณ์สอนว่า “พระพรหมเป็นเทพเจ้าสูงสุด ทรงเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งตลอดทั้ง กำหนดโชคชะตาของคนและสัตว์ เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตของแต่ละคนจึงเป็นไปตามพรหมลิขิต แต่คนก็อาจ เปลี่ยนวิถีชีวิตได้ หากทำให้พระพรหมเห็นใจและโปรดปราน โดยบวงสรวงอ้อนวอนและทำความดีต่อ พระองค์” ในศาสนาคริสต์ก็มีการสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้าเช่นเดียวกันดังที่บันทึกไว้ว่า “ผู้ใดเมื่อจะ สวดมนต์ก็เข้าไปในห้องปิดประตู แล้วสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้า พระองค์ทรงเห็นการกระทำของเขาตลอด และจะประทานรางวัลแก่เขา” นอกจากนี้ศาสนาเทวนิยมต่าง ๆ ยังสอนว่า “สิ่งของ” หรือ “ผู้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์” สามารถช่วย ล้างบาปเพื่อให้บุคคลอื่นบริสุทธิ์ได้ เช่น ในศาสนาชินโตจะมีการล้างบาปที่เรียกว่า “พิธีฮารัย” (Harai) โดยนักบวชจะทำการแกว่งไม้กายสิทธิ์เหนือศีรษะหรือเหนือวัตถุสิ่งของที่ต้องการชำระ ในศาสนาพรามณ์ สอนว่า “น้ำ” สามารถชำระล้างบาปได้ ชาวอินเดียทั้งในสมัยพุทธกาลและในปัจจุบันจึงนิยมลงอาบน้ำ ล้างบาปในแม่น้ำคงคาหรือแม่น้ำอื่น ๆ เช่น แม่น้ำพาหุกา เป็นต้น ในพระไตรปิฎกบันทึกถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ชนเป็นอันมากยอมรับว่าแม่น้ำพาหุกาเป็นบุญ อนึ่งชนเป็นอันมาก พากันไปลอยบาปกรรมที่ตนทำแล้วใน แม่น้ำพาหุกา สำหรับพระพุทธศาสนานั้นสอนว่า “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” กรรม หมายถึง การกระทำโดยเจตนาทั้งทางกาย วาจา และใจ วิถีชีวิตของมนุษย์แต่ละคนขึ้นอยู่กับกรรมที่ ตนเองทำทั้งกรรมในอดีตชาติและในปัจจุบันชาติ มนุษย์ทุกคนจึงสามารถลิขิตชีวิตตนเองได้ หากต้องการ ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองก็จงทำกรรมดีหากต้องการให้ชีวิตตกต่ำก็จงทำกรรมชั่วไม่มีพระเจ้าที่คอยบงการชีวิตเรา ไม่มีใครทำให้เราได้ดีขึ้นหรือตกต่ำได้นอกจากตัวของเราเองเท่านั้น ดังพระดำรัสว่า “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแหละเป็นนาถะของตน” หรือ ตนเป็นที่พึ่งของตน แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น แต่เราต้องดำเนินชีวิตด้วยตัวเราเองพระองค์ไม่อาจช่วยล้างบาปเพื่อให้เราบริสุทธิ์ได้ดังพระดำรัสว่า “บุคคล ทำบาปด้วยตนเอง ย่อมเศร้าหมองด้วยตนเทียว ไม่ทำบาปด้วยตน ย่อมหมดจดด้วยตนเทียว ความหมดจด ความไม่หมดจดเป็นของเฉพาะตน คนอื่นจะยังคนอื่นให้หมดจดไม่ได้” รศ. ฟื้น ดอกบัว (2539), ศาสนาเปรียบเทียบ, หน้า 214 2 รศ. ฟื้น ดอกบัว (2539), ศาสนาเปรียบเทียบ, หน้า 38. 3 รศ. ฟื้น ดอกบัว (2539), ศาสนาเปรียบเทียบ, หน้า 191. 4 ผศ. วนิดา ขำาเขียว (2543), ศาสนาเปรียบเทียบ, หน้า 272. 5 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มก. เล่ม 17 หน้า 436-437. 6 ธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มก. เล่ม 43 หน้า 390. 22 DOU บ ท ที่ 2 ความ มรู้ทั่วไป ท า ง พระ พุ ท ธ ศ า ส น า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More