การสร้างจิตสำนึกและการเจริญสมาธิ GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 211
หน้าที่ 211 / 270

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างจิตสำนึกที่ดีในเวลาเห็นรูป ได้ยินเสียง โดยการพิจารณาถึงปัจจัยสันนิสสิตศีลในการบริโภคสิ่งที่จำเป็นเพียงเพื่อยังชีพ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการแบ่งเวลาสำหรับการทำสมาธิในช่วงต่าง ๆ ตลอดทั้งวันและคืน เพื่อให้ระลึกถึงความสำคัญของการเป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ และทำให้จิตใจบริสุทธิ์ รวมถึงการแบ่งช่วงเวลาสำหรับการเจริญสมาธิตั้งแต่ช่วงกลางวันถึงปัจฉิมยามแห่งราตรี ทั้งนี้ยังมีการแนะนำท่านอนที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีและการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติธรรม.

หัวข้อประเด็น

-การสร้างจิตสำนึกที่ดี
-การบริโภคอย่างมีสติ
-การเจริญสมาธิ
-การแบ่งเวลาในการทำสมาธิ
-ท่าการนอนที่ถูกต้อง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป เวลาได้ยินเสียง เวลาดมกลิ่น เวลาสัมผัส เวลาลิ้มรส หรือระลึกถึงอารมณ์ ต่าง ๆ ขั้นตอนที่ 3 รู้จักประมาณในโภชนะ จัดเข้าในปาริสุทธิศีลข้อ 4) คือ ปัจจัยสันนิสสิตศีล ได้แก่ ศีลที่ว่าด้วยการให้พิจารณาปัจจัย 4 ก่อนบริโภค คือ จีวร บิณฑบาต ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค โดยให้ พิจารณาว่า เราบริโภคสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ยังชีพอยู่ได้ จะได้มีเรี่ยวแรงและบำเพ็ญสมณธรรมได้สะดวก ไม่บริโภคด้วยตัณหา ส่วนขั้นตอนที่ 4-6 เป็นเรื่องการเจริญสมาธิภาวนาซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ขั้นตอนที่ 4 ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ตื่นอยู่ เมื่อภิกษุเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะได้แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมแนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า ดูก่อนภิกษุ มาเถิด เธอจงเป็นผู้ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ตื่นอยู่ คือจงชำระจิตให้บริสุทธิ์จาก อาวรณียธรรม ด้วยการเดินจงกรมและการนั่งตลอดวัน จงชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณียธรรม ด้วยการ เดินจงกรมและการนั่งตลอดปฐมยามแห่งราตรี จึงเอาเท้าซ้อนเท้า มีสติรู้สึกตัว ทำความสำคัญว่าจะลุกขึ้น ไว้ในใจแล้วสำเร็จสีหไสยาโดยข้างเบื้องขวาตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี จงลุกขึ้นชำระจิตให้บริสุทธิ์จาก อาวรณียธรรม ด้วยการเดินจงกรมและการนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรีเถิด คำว่า “ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเป็นผู้ตื่นอยู่” หมายถึง การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่ นอน กล่าวคือ ให้พระภิกษุรู้จักจัดสรรเวลาของตัวเอง เพื่อประโยชน์แก่การทำสมาธิเจริญภาวนา ไม่ยอม ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ตกไปในอำนาจของกระแสกิเลส มีความง่วงเหงาซึมเซา เป็นต้น โดยตรัสแนะนำ การแบ่งเวลา เพื่อการทำสมาธิเจริญภาวนาไว้ 4 ช่วง คือ 1. ช่วงกลางวัน (06.00-18.00 น.) บำเพ็ญเพียรชำระจิตให้สะอาด ด้วยการเดินจงกรม และนั่ง ท่าสมาธิภาวนา 2. ช่วงปฐมยามแห่งราตรี (18.00-22.00 น.) บำเพ็ญเพียรชำระจิตให้สะอาด ด้วยการ เดินจงกรม และนั่งทําสมาธิภาวนาเช่นกัน 3. ช่วงมัชฌิมยามแห่งราตรี (22.00-02.00 น.) นอนพักด้วยสีหไสยา คือการนอนอย่างราชสีห์ โดย นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกันเล็กน้อย มีสติสัมปชัญญะ พร้อมจะลุกขึ้นบำเพ็ญภาวนาต่อไป ท่านอนตะแคงขวานี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า เป็นท่าที่ ถูกหลักอนามัยที่สุด เพราะร่างกายจะไม่กดทับหัวใจ ช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก อาหารจากกระเพาะถูกบีบลง ลำไส้เล็กทำงานได้ดี ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ด้วย 4. ช่วงปัจฉิมยามแห่งราตรี (02.00-06.00 น.) บำเพ็ญเพียรชำระจิตให้สะอาด ด้วยการเดินจงกรม และนั่งทำสมาธิภาวนาเช่นเดิม พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์, มก. เล่ม 22 ข้อ 97 หน้า 145. 2 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (2550), นอนท่าไหน ? ปลอดภัยหลับสนิท, (ออนไลน์), บทที่ 7 พระสงฆ์ : ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 201
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More