ตัณหาและภวตัณหา GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 158
หน้าที่ 158 / 270

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับตัณหาที่เกิดจากความอยากได้สิ่งต่าง ๆ อาทิเช่น ความอยากให้สิ่งที่มีอยู่นั้นคงอยู่ต่อไปหรือวิภวตัณหาซึ่งมีความอยากที่จะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ คำสอนตามพระพุทธศาสนาของหลวงปู่วัดปากน้ำได้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของตัณหาที่ยังผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ และการเชื่อมโยงระหว่างตัณหากับกิเลสต่าง ๆ เช่น โทสะที่เกิดจากความอยากและความผิดหวัง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่รุนแรงในบางครั้ง

หัวข้อประเด็น

-ภวตัณหา
-วิภวตัณหา
-ความสัมพันธ์ของกิเลสกับตัณหา
-ธรรมชาติของตัณหา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นั้นคงอยู่ตลอดไป ภวตัณหาเกิดสืบต่อมาจากกามตัณหาคือ กามตัณหาเป็นความอยากได้สิ่งต่างๆ เช่น อยาก ได้ลูก อยากได้รถ อยากได้บ้าน ฯลฯ เมื่อได้มาแล้วเมื่อมีแล้วก็จะเกิดภวตัณหาคือ อยากให้สิ่งที่มีอยู่นั้น คงอยู่ตลอดไป ภวตัณหา แปลอีกนัยหนึ่งว่า ความอยากในภพ หลวงปู่วัดปากน้ำอธิบายไว้ว่าภพในที่นี้ หมายถึง “รูปภพ” อันเป็นที่อยู่ของรูปพรหม 16 ชั้น รูปพรหมทั้งหลายนั้นมีความอยากในรูปฌาน มีความ ยินดีในรูปฌานในระดับต่าง ๆ ที่ตนได้ คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน เพราะเมื่อได้ รูปฌานเหล่านี้แล้วเป็นสุขสบายยิ่งกว่าความสุขในกามภพมากนัก ใจจึงจดจ่ออยู่กับฌานนั้น ๆ อย่าง เหนียวแน่นยิ่งกว่าติดในกามอีก วิภวตัณหา แปลว่า ความอยากในความไม่มีความไม่เป็น หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่เราไม่ ปรารถนาจะมีจะเป็น ก็อยากให้ตัวเราหรือคนที่เรารักไม่มีหรือไม่เป็นสิ่งนั้น เช่น อยากที่จะไม่เป็นโรคเอดส์ อยากที่จะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เป็นต้น วิภวตัณหา แปลอีกนัยหนึ่งว่า ความอยากในวิภพ" หลวงปู่วัดปากน้ำอธิบายไว้ว่าวิภพ ในที่นี้หมายถึง “อรูปภพ” อันเป็นที่อยู่ของอรูปพรหม 4 ชั้น อรูปพรหมทั้งหลายนั้นมีความอยากในอรูปฌาน มีความยินดีในอรูปฌานในระดับต่าง ๆ ที่ตนได้เช่นเดียวกับรูปพรหม แต่ความสุขในอรูปฌานมีความ ละเอียดประณีตมากกว่ารูปฌานมาก เหล่ารูปพรหมและอรูปพรหมทั้งหลายต่างคิดว่าตนพ้นทุกข์แล้วและเข้าใจผิดว่าพรหม สถานนั้นคืออายตนะนิพพาน ทำให้ติดอยู่แค่นั้นไม่ไปสูงกว่านั้น (2) ความสัมพันธ์ของกิเลสอื่นกับตัณหา ตัณหาเป็นกิเลสตระกูลโลภะดังที่ได้กล่าวแล้วในบทที่ 3 ว่า “โลภะนั้นเรียกว่า “ตัณหา” ด้วย อ้านาจความอยาก เรียกว่า “ราคะ” ด้วยอำนาจความยินดี เรียกว่า “นันท์” ด้วยอำนาจความเพลิดเพลิน” ส่วนอวิชชาหรือโมหะคือความไม่รู้หรือความหลงนั้นเป็นรากเหง้าของตัณหา สำหรับโทสะเป็นกิเลสที่เกิดต่อจากตัณหา เช่น อยากได้แล้วไม่ได้ดังใจหวังก็จะเกิดโทสะ เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา หรืออยากให้แฟนของเรารักเราคนเดียว อยากให้เขาอยู่กับเราตลอดไป แต่ยามใดก็ตามที่ทราบว่าแฟนปันใจให้คนอื่น ยามนั้นโทสะจะแสดงผลทันที และจะเกิดโทษต่าง ๆ ตามมา มากมาย บ่อยครั้งที่ถึงขนาดฆ่ากันตาย ทั้งฆ่าแฟน ฆ่าใครต่อใครรวมทั้งฆ่าตัวตายเพื่อหลีกหนีความช้ำใจ นี้คือตัวอย่างของโทสะที่เกิดจากตัณหา (3) ธรรมชาติของตัณหา ตัณหาทำให้มนุษย์ทั้งหลายไม่รู้จักคำว่าพอ พยายามแสวงหากามสุขมาบำรุงบำเรอตน สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค มก., เล่ม 14 หน้า 356. สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค มก., เล่ม 14 หน้า 356. 148 DOU บ ท ที่ 6 พระ ธ ร ร ม : คำสั่ง ส อ น ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุทธเจ้า ท
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More