การเสด็จลงจากสวรรค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 121
หน้าที่ 121 / 270

สรุปเนื้อหา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยมีท้าวสักกะสร้างบันไดทองคำ บันไดเงิน และบันไดแก้วมณี เพื่อเป็นทางลงจากสวรรค์ เมื่อถึงเมืองสังกัสสนคร พระองค์ประทับวางฉัพพรรณรังสี เปิดโลกให้สิ่งมีชีวิตแต่ละภพภูมิสามารถมองเห็นกันและกัน ทำให้ผู้คนตระหนักถึงการมีอยู่ของนรกและสวรรค์ ส่งผลให้เกิดความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอย่างมาก โดยเฉพาะเหล่าพญานาคที่ตระหนักถึงบุญกรรมจากการเห็นปาฏิหาริย์ในวันนั้น ทำให้เกิดพิธีการพ่นบั้งไฟ เพื่อบูชาพระองค์.

หัวข้อประเด็น

-การเสด็จลงจากสวรรค์
-บันไดทองคำ บันไดเงิน และบันไดแก้วมณี
-การเปิดโลก
-พระพุทธองค์และความปรารถนาของมหาชน
-ปาฏิหาริย์และความเชื่อในพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระสมณโคดมพุทธเจ้านั้น โปรดพุทธมารดา เมื่อออกพรรษาแล้วพระองค์ตรัสบอกแก่ท้าวสักกะว่า “มหาบพิตร อาตมภาพจักไปสู่ถิ่น ของมนุษย์” ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อแสดงพระอภิธรรม ท้าวสักกะจึงทรงนิรมิตบันได 3 ชนิด เพื่อเป็นทางพุทธดำเนินลงจากสวรรค์คือ บันไดทองคำ บันได แก้วมณี และบันไดเงิน เชิงของบันไดเหล่านั้นตั้งอยู่ ณ ประตูเมืองสังกัสสนคร หัวบันไดตั้งอยู่ที่ยอดเขา สิเนรุอันเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บันไดทั้ง 3 ตั้งเรียงกันดังนี้คือ บันไดทองอยู่ข้างขวาสำหรับพวก เทวดาที่ตามเสด็จ บันไดเงินอยู่ข้างซ้ายสำหรับมหาพรหมทั้งหลาย ส่วนบันไดแก้วมณีอยู่ตรงกลางสำหรับ เป็นทางเสด็จของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จลงจากสวรรค์ ทรงประทับยืนอยู่บนยอดเขาสิเนรุแล้วแสดงปาฏิหาริย์ ด้วยการเปิดโลกให้สรรพสัตว์แต่ละภพภูมิสามารถมองเห็นกันและกันได้คือ มนุษย์มองเห็นเทวดา เทวดา มองเห็นมนุษย์ มนุษย์มองเห็นรูปพรหมและอรูปพรหมได้ด้วยตาเนื้อ มนุษย์เห็นสัตว์นรก สัตว์นรกเห็นมนุษย์ รวมทั้งเปรตอสุรกายทั้งหลายก็มองเห็นกันและกันได้หมด ในขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จพุทธดำเนินลงด้วยบันไดแก้วมณีนั้น พระองค์ทรงเปล่งพระ ฉัพพรรณรังสีอันรุ่งเรืองเด่นสง่า แวดล้อมด้วยท้าวมหาพรหมกับเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่และเหล่าเทวดา ทั้งปวงในทุกชั้นฟ้า ในวันนั้น ณ เมืองสังกัสสนครมีพุทธบริษัทและประชาชนพลเมืองมารอรับเสด็จจำนวน มากคือ ตลอดพื้นที่ 36 โยชน์โดยรอบเต็มไปด้วยผู้คน มหาชนเหล่านั้นได้เห็นเหตุอัศจรรย์จากการเปิดโลกของพระพุทธองค์ ทำให้มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องกฎแห่งกรรมอย่างชัดเจนรู้ว่าตายแล้วไม่สูญ นรกสวรรค์มีจริง กล่าวคือมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐินั่นเอง และเมื่อได้เห็นความงดงามเด่นสง่าของพระพุทธองค์ในขณะเสด็จลงจากสรวงสวรรค์แล้ว จึงตั้งความ ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกันเป็นจำนวนมาก อรรถกถาบันทึกไว้ว่า “มนุษย์ ในบริษัทซึ่งมีปริมณฑล 36 โยชน์ แม้คนหนึ่ง เมื่อแลดูสิริของพระพุทธเจ้าในวันนั้นแล้ว ชื่อว่าไม่ปรารถนา ความเป็นพระพุทธเจ้า มิได้มีเลย” ในวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปิดโลกนั้นจึงมีพระโพธิสัตว์คือผู้ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดขึ้นจำนวนมาก มีผู้รู้กล่าวไว้ว่า แม้แต่พญานาคตนหนึ่งที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง ณ อำเภอโพนพิสัย จังหวัด หนองคาย ซึ่งนำพรรคพวกบริวารพ่นบั้งไฟเป็นประจำทุกปี ก็ตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย เพราะได้เห็นพุทธปาฏิหาริย์ในวันเปิดโลกนั้น และการพ่นบั้งไฟในแต่ละปีก็เกิดขึ้นจากการตั้งใจจำศีลใน ช่วงเข้าพรรษาของเหล่าพญานาค เมื่อออกพรรษาแล้ว ด้วยบุญจากการรักษาศีลและการนึกถึงพระพุทธองค์ ในวันเปิดโลก ทำให้พญานาคสามารถพ่นดวงไฟหรือบั้งไฟออกมาเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 1โยชน์ หมายถึง หน่วยวัดระยะทาง 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร 2 ธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 316-317. บทที่ 5 พ ร ะ พุ ท ธ : พระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 111
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More