กฎแห่งกรรมและวิทยาศาสตร์ GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 183
หน้าที่ 183 / 270

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เสนอการวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างกฎแห่งกรรมกับวิทยาศาสตร์ โดยอธิบายว่าเหตุและผลในกฎแห่งกรรมสามารถเชื่อมโยงกับหลักวิทยาศาสตร์ได้ โดยระบุถึงกรรมในปัจจุบันชาติที่เห็นได้ชัดในชีวิตประจำวันและกรรมในอดีตชาติที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในขณะที่อธิบายความฉลาดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ว่าเกิดจากบุญด้านปัญญา ข้อสรุปคือปัจจัยที่ทำให้คนฉลาดไม่ได้อยู่ที่สมองเพียงอย่างเดียว.

หัวข้อประเด็น

-กฎแห่งกรรม
-วิทยาศาสตร์
-เหตุและผล
-พระพุทธศาสนา
-อดีตชาติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สาเหตุการให้ทานที่กล่าวมานี้เป็นเพียงสาเหตุที่พบและวิเคราะห์ได้ในปัจจุบันชาติเท่านั้น ส่วน สาเหตุสำคัญที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นคือ อุปนิสัยรักการให้ทานที่ติดตัวมาข้ามชาติ ส่งผลให้มหาเศรษฐีเหล่านี้ ดำเนินชีวิตเช่นเดิมอีกในชาตินี้ แม้ในชาตินี้พวกเขาจะไม่ค่อยได้ให้ทานแก่เนื้อนาบุญ เพราะเกิดในประเทศ ที่มีความเชื่อต่างไปจากคำสอนในพระพุทธศาสนา แต่ประเด็นที่กล่าวมานี้ต้องการชี้ให้เห็นอุปนิสัยที่ติดตัว ข้ามชาติเป็นหลัก 6.7.5 กฎแห่งกรรมกับหลักวิทยาศาสตร์ ความสอดคล้องกันของกฎแห่งกรรมกับวิทยาศาสตร์คือเรื่อง “เหตุและผล” ทั้งเหตุผลคือกฎที่มี อยู่แล้วในธรรมชาติ และเหตุผลที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายสร้างขึ้นซึ่งในที่นี้คือ “กรรม” หมายถึง การ กระทำโดยเจตนา กล่าวคือ เมื่อประกอบเหตุคือทำกรรมอย่างนี้ย่อมได้รับผลอย่างนี้ เมื่อประกอบเหตุคือ ทำกรรมอย่างนั้น ย่อมได้รับผลอย่างนั้น ดังข้อความที่ว่า “บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น คนทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว” เรื่องของกรรมในพระไตรปิฎกนั้นมีอยู่ 2 ส่วนคือ กรรมในปัจจุบันชาติ และกรรมในอดีตชาติ สำหรับ กรรมในปัจจุบันชาตินั้นวงการทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างจะยอมรับ เพราะพบเห็นกันได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ลูกจ้างที่ขยันทำงานและซื่อสัตย์สุจริต จะได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากนายจ้าง คนที่ ฆ่าคนอื่นตายจะถูกตำรวจตามจับขังคุกเพราะกรรมนั้น ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ เป็นต้น ส่วนกรรมในอดีตชาติที่มาส่งผลในปัจจุบันนั้นวงการวิทยาศาสตร์ไม่ค่อยยอมรับเพราะคิดว่า พิสูจน์ไม่ได้บ้าง แต่จะพยายามค้นหาสาเหตุในปัจจุบันเพื่ออธิบายผลที่เกิดขึ้นนั้น เช่น พระพุทธศาสนา อธิบายว่า ไอน์สไตน์ฉลาดเพราะบุญด้านปัญญาบารมีที่เขาได้สั่งสมมาจากอดีตชาติเป็นหลัก บุญด้าน ปัญญานี้จะกลั่นตัวเป็นดวงปัญญาที่สว่างไสวอยู่ ณ ศูนย์กลางกายของไอน์สไตน์เอง ซึ่งจะเห็นได้ด้วยการ ทำใจให้ละเอียดด้วยการฝึกสัมมาสมาธิ เมื่อไอน์สไตน์ละโลกไปแล้วดวงปัญญานี้ก็ตามติดกายละเอียด ของเขาไปสู่ปรโลกด้วย ไม่ได้หลงเหลืออะไรไว้เลยนอกจากซากร่างกายที่เปื่อยเน่า แต่ในวงการวิทยาศาสตร์ไม่เชื่ออย่างนั้น นักวิทยาศาสตร์โดยมากเชื่อว่าความฉลาดของ ไอน์สไตน์อยู่ที่สมอง จึงผ่าตัดนำสมองของเขามาศึกษาเปรียบเทียบกับสมองของคนทั่วไปเพื่อหาความ แตกต่างอันจะนำไปสู่ข้อสรุปถึงสาเหตุแห่งความฉลาดของไอน์สไตน์ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็หาวิธีการทำให้ สมองของคนทั่วไปเป็นเหมือนอย่างสมองของไอน์สไตน์ หากทำได้คนทั่วไปก็มีโอกาสฉลาดเหมือนอย่าง อัจฉริยะผู้นี้หรือจะกล่าวว่าเป็นการโคลนนิ่งไอน์สไตน์ออกเป็นร้อยเป็นพันคน ซึ่งในความเป็นจริง ๆ ไม่อาจ จะทำได้ เพราะว่าปัจจัยหลักของความฉลาดไม่ได้อยู่ที่สมอง หากมีเด็กเกิดมาพิการนักชีววิทยาก็จะค้นหาสาเหตุในปัจจุบันว่าทำไมเขาจึงพิการ เช่นการพิการ เกิดจากการผิดพลาดบางประการของสารพันธุกรรม แต่สิ่งหนึ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้คือ ทำไมเด็ก - พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค, สมุททกสูตร, มก., เล่ม 25 ข้อ 903 หน้า 487. บ ท ที่ 6 พระ ธ ร ร ม : คำสั่ง ส อ น ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 173
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More