พระปฐมชาติที่ได้รับพุทธพยากรณ์ GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 137
หน้าที่ 137 / 270

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ในอดีตเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้า โดยกล่าวถึงการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่งสมบารมีและการแสวงหาทางพ้นทุกข์ ผ่านการบวชและการสร้างบุญ โดยเฉพาะการสละชีวิตของสุเมธดาบส เพื่อให้พระองค์สามารถเสด็จผ่านไปได้, โดยท่านมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในสังสารวัฏ.

หัวข้อประเด็น

-พระโพธิสัตว์
-พุทธพยากรณ์
-การบวช
-การสละชีวิต
-การสร้างบุญ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

3) พระปฐมชาติที่ได้รับพุทธพยากรณ์ เมื่อเวลาผ่านไป 16 อสงไขยกัป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากสุดจะนับประมาณเป็นชาติได้ พระโพธิสัตว์ก็ได้เวียนว่ายตายเกิดในกำเนิดต่างๆ มาหลายภพหลายชาติ เพื่อสั่งสมบารมีให้เต็มเปี่ยม จนถึง อสงไขยกัปที่ 17 ในกัปอันประเสริฐที่ชื่อว่า สารมัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น 4 พระองค์ คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า พระสรณังกรพุทธเจ้า และพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ แต่ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก ในสมัยของพระทีปังกรพุทธเจ้าว่า ท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ซึ่งจะได้นำเสนอ การได้รับพุทธพยากรณ์ดังนี้ นับย้อนหลังจากภัทรกัปนี้ไปอีก 4 อสงไขยแสนกัปที่เมืองอมรวดี ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไป ด้วยข้าวและน้ำ พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อสุเมธ เป็นชายหนุ่มรูปงาม ศึกษาจบไตรเพท แตกฉาน ในศิลปะทุกประการ มารดาบิดาได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่ท่านสุเมธยังเป็นหนุ่ม ผู้จัดการผลประโยชน์ได้นำ บัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลมาให้ท่านสุเมธดู ท่านสุเมธคิดว่า มารดาบิดา ปู่ย่า ตายาย ได้สะสมทรัพย์เหล่านี้ไว้มากมาย แต่เมื่อไปสู่ปรโลกก็ ไม่สามารถนำทรัพย์เหล่านี้ไปได้ เราจะหาวิธีเอาทรัพย์ทั้งหมดนี้ติดตามเราไปในภพเบื้องหน้า ท่าน พิจารณาเห็นว่า การเกิด การเจ็บ และการตายเป็นทุกข์ เราควรแสวงหาอมตธรรม ที่ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสุขล้วนๆ ความสุขย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อความทุกข์ ฉันใด เมื่อมีวัฏสงสาร ความหลุดพ้นจากวัฏสงสารก็ย่อมมีได้ ฉันนั้น เมื่อของร้อนมีอยู่ แม้ความเย็นอันเป็นเครื่องระงับความร้อน นั้นก็ย่อมมี ฉันใด แม้ความสงบเย็นอันเป็นเครื่องดับความร้อนด้วยไฟคือราคะ โทสะ โมหะ ก็พึ่งมี ฉันนั้น เมื่อความชั่วมีอยู่ ความดีก็ต้องมี ฉันใด เมื่อความเกิดมีอยู่ แม้ความไม่เกิดก็ย่อมมีได้ ฉันนั้น ท่านสุเมธจึงตัดสินใจว่าจะออกบวชเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์ ท่านจึงบริจาคทรัพย์ทั้งหมดแก่ชน ในเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ป่าหิมพานต์ ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วัน ก็ทำสมาบัติ 8 และอภิญญา 5 ให้ บังเกิดขึ้นได้ สุเมธดาบสมีความสุขกับการเข้าฌานสมาบัติเรื่อยมา จนกระทั่งพระทีปังกรพุทธเจ้าได้เสด็จ อุบัติขึ้นในโลก วันหนึ่ง พระทีปังกรพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระขีณาสพ 4 แสนองค์เสด็จไปสัมมนคร เมื่อชาวเมือง ทราบข่าวจึงได้ร่วมมือกันเตรียมทางเสด็จ ในเวลานั้นสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติแล้วเหาะขึ้นไปบน อากาศ ผ่านไปยังรัฐมนคร เห็นมหาชนกำลังตกแต่งพระนคร จึงเหาะลงจากอากาศไปถาม และได้ทราบว่า ชาวเมืองกำลังทำทางรับเสด็จพระทีปังกรพุทธเจ้า ทันทีที่ได้ยินคำว่า พุทโธ ก็เกิดความปีติใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านจึงเข้าไปร่วมสร้างบุญกับชาวเมืองด้วย ขณะที่ทางเสด็จยังไม่ทันเสร็จพระทีปังกรพุทธเจ้าก็เสด็จมาถึง สุเมธดาบสเห็นดังนั้นจึงได้ยอม สละชีวิต ใช้ร่างกายของตนทอดเป็นสะพานเหนือเชือกตมให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกับพระขีณาสพ 4 แสนองค์เสด็จผ่านไป ขณะที่นอนทอดร่างอยู่บนพื้นดินนั้น สุเมธดาบสมีความคิดว่า ถ้าเราปรารถนาความ บ ท ที่ 5 5 พ ร ะ พุ ท ธ : พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 127
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More