การเห็นกายละเอียดและการฝัน GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 54
หน้าที่ 54 / 270

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างกายมนุษย์หยาบและกายละเอียด โดยยกตัวอย่างการมองเห็นสีในแสงแดดรวมถึงการเกิดเป็นเทวดาหรือในพรหมโลก ความละเอียดของกายที่เราสามารถเข้าถึงได้ผ่านการเจริญสมาธิภาวนาช่วยให้เราได้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ในกายของเรา กายละเอียดนั้นสามารถออกจากร่างในขณะที่เราฝัน และเมื่อถึงเวลาตาย กายมนุษย์ละเอียดจะแยกออกจากกายหยาบ การมีบุญหรือบาปจะกำหนดที่เกิดในสภาวะต่าง ๆ เช่น สวรรค์หรืออบายภูมิ การศึกษาเกี่ยวกับธรรมกายและการเข้าถึงธรรมะในบทต่อไป

หัวข้อประเด็น

-กายมนุษย์หยาบ
-กายมนุษย์ละเอียด
-การฝัน
-การเกิดใหม่
-ธรรมกาย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ไม่น่าเชื่อว่าแสงใส ๆ ของดวงอาทิตย์ที่เราเห็นด้วยตามนุษย์อยู่ทุกวัน จะประกอบด้วยสีที่ ต่างกันซ้อนกันอยู่ถึง 7 สี สาเหตุที่เรามองไม่เห็นสีที่ซ้อนอยู่ได้เพราะตามนุษย์ของเรามีความละเอียดไม่พอ ที่จะเห็นได้นั่นเอง ขันธ์ 5 และธรรมขันธ์ต่าง ๆ ที่ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์ก็เช่นกัน เราไม่อาจมองเห็นได้ด้วย ตาเนื้อ แต่จะเห็นได้ด้วยวิธีพิเศษคือ การเจริญสมาธิภาวนา ทำใจของเราให้มีความละเอียดในระดับเดียว กับขันธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ เราจึงจะเห็นได้ ๆ ๆ กายมนุษย์ละเอียดนั้นคือ กายฝัน เวลาเรานอนหลับแล้วฝันไปว่า ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่พอตื่นมาก็จำ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ว่าเราฝันว่าไปไหนมาบ้าง ขณะที่เรานอนหลับแล้วฝันว่าไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ นั้น ก็คือ กาย มนุษย์ละเอียดที่ซ้อนอยู่ในร่างกายของเราออกจากร่างไปนั่นเอง เมื่อฝันเสร็จกายมนุษย์ละเอียดก็กลับมา เข้าร่างใหม่ กายมนุษย์ละเอียดนี้คือกายที่ไปเกิดมาเกิด นั่นคือก่อนเรามาเกิดก็เป็นกายเช่นนี้มาก่อน จะไป เกิดคือตายก็กายมนุษย์ละเอียดนี้แหละออกจากร่างมนุษย์หยาบไป หากมีบุญมากก็จะไปเกิดบนสวรรค์ กลายเป็นกายทิพย์ไป หากมีบาปมากก็จะไปเกิดในอบายภูมิ ได้แก่ สัตว์ดิรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือ สัตว์นรก การที่กายมนุษย์ละเอียดกับกายมนุษย์หยาบหลุดพรากจากกันคือตายนั้นก็คล้าย ๆ กับการฝัน แต่เป็นการฝันที่ไม่ตื่นขึ้นอีกแล้ว เพราะกายทั้งสองแยกขาดจากกันแล้ว เหมือนมะขามกะเทาะล่อนออก จากเปลือก เราลองนึกถึงมะขามสด เนื้อกับเปลือกของมันจะติดกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว แยกไม่ออก เขย่า ไม่ดัง แต่เมื่อแก่จัดและแห้ง เนื้อมะขามข้างในจะล่อนออกจากเปลือก ถ้าเราเขย่าก็จะมีเสียงดังขลุก ๆ เป็น เสียงของเนื้อมะขามที่หลุดออกจากเปลือกนั่นเอง ซึ่งอุปมาเหมือนกายมนุษย์ละเอียด ส่วนเปลือกของมะขาม ก็อุปมาเหมือนกายมนุษย์หยาบหรือกายเนื้อของเรา ส่วนกายทิพย์ทั้งหยาบและละเอียดคือกายแบบเดียวกันกับกายเทวดาบนสวรรค์ ผู้ที่จะไปเกิด เป็นเทวดานั้น เมื่อถึงวันละโลกคือตาย กายมนุษย์ละเอียดจะหลุดออกจากร่างก่อน หากผู้ตายมีบุญมาก บุญก็จะส่งผลให้กายทิพย์ที่ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์ละเอียดของบุคคลนั้น ๆ ออกจากร่างไปเกิดบนสวรรค์ กายรูปพรหมและกายอรูปพรหมทั้งหยาบและละเอียดก็เหมือนกันก็คือกายแบบเดียวกับรูป พรหมและอรูปพรหมที่อยู่ในพรหมโลก ในสมัยที่เป็นมนุษย์บุคคลเหล่านี้จะหมั่นเจริญสมาธิภาวนาจนได้ ฌานและอรูปฌานนั่นคือ ได้เข้าถึงกายรูปพรหมและอรูปพรหมในตัว ละโลกแล้วก็ถอดกายที่เข้าถึงออกไป เกิดบนพรหมโลกในชั้นที่เหมาะสมกับกำลังฌานของตนเอง ส่วนกายธรรมต่าง ๆ ได้แก่ ธรรมกายโคตรภู เป็นต้น นั้นเป็นกายตรัสรู้ธรรมของมนุษย์ทุกคน เป็น กายแบบเดียวกันกับที่พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าถึงหรือตรัสรู้ กายธรรมหรือธรรมกายนี้เป็น บ่อเกิดแห่งพระรัตนตรัยซึ่งจะได้ศึกษาในบทที่ 4 ต่อไป ในอรรถกถาโสณสูตรและหนังสือทิพยอำนาจของมหามกุฏราชวิทยาลัยกล่าวถึงเรื่องกาย พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) (2538), พระธรรมเทศนา 69 กัณฑ์, กัณฑ์ 30 ภัตตานุโมทนากถา หน้า 364. 44 DOU บ ท ที่ 3 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ชี วิ ต ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า บ 3
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More