บุญกิริยาวัตถุและอกุศลกรรมในพระพุทธศาสนา GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา หน้า 65
หน้าที่ 65 / 270

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงบุญและกรรมในพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นบุญกิริยาวัตถุ ซึ่งประกอบด้วยทาน สีล และภาวนา โดยแต่ละประเภทมีบทบาทสำคัญในการลดกิเลสและส่งเสริมการปฏิบัติศีล การให้ทานถือเป็นการสร้างบุญที่ช่วยเสริมการรักษาศีล และช่วยลดกิเลสในใจ ส่วนอกุศลกรรมคือกรรมที่เกิดจากความโลภ โทสะ และโมหะ ซึ่งทำให้เกิดผลเสียตามมา ดังนั้นการประพฤติดีมีความสำคัญต่อการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา

หัวข้อประเด็น

-บุญในพระพุทธศาสนา
-ทานและการให้
-ศีลและการรักษาศีล
-ภาวนาและการเจริญสมาธิ
-อกุศลกรรมและผลของกรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

-ทานมัย หมายถึง บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน เช่น ตักบาตร ถวายปัจจัยไทยธรรม หมายรวมถึงการให้อภัยทาน และให้ความรู้ที่เรียกว่า วิทยาทาน หรือ ธรรมทานด้วย -สีลมัย หมายถึง บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล เช่น การรักษาศีล 5 ได้แก่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก และไม่ดื่มสุรา รวมทั้งศีลในดับสูงขึ้นไปคือ ศีล 8 และศีล ของนักบวชด้วย -ภาวนามัย หมายถึง บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา คำว่า “ภาวนา” แปลว่า “เจริญ” หมายถึง การเจริญ “สมาธิ” หรือ การนั่งสมาธินั่นเอง กุศลธรรมทั้ง 2 หมวดคือ กุศลกรรมบถและบุญกิริยาวัตถุสามารถสงเคราะห์กันได้ดังนี้ กายสุจริต และ วจีสุจริต สงเคราะห์เข้ากับ “ทาน” และ “ศีล” ในบุญกิริยาวัตถุ ในส่วน ของศีลนั้นนักศึกษาคงเข้าใจดีเพราะมีเนื้อหาตรงกัน แต่สำหรับทานนั้นนักศึกษาหลายท่านอาจจะสงสัยว่า จัดให้อยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จริง ๆ แล้วศีลนั้นก็จัดเป็นทานประเภทหนึ่ง กล่าวคือ การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ถือเป็นการ ให้ความปลอดภัยในชีวิตแก่สัตว์ทั้งหลาย การงดเว้นจากการลักขโมยของที่ผู้อื่นถือเป็นการให้ความ ปลอดภัยในทรัพย์สินแก่ผู้อื่น และการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกามถือเป็นการให้ความปลอดภัยแก่ คู่ครองของผู้อื่น เป็นต้น นอกจากนี้บุคคลที่ให้ทานบ่อย ๆ ใจของเขาจะยิ่งใหญ่และจะไม่คิดขโมยทรัพย์สิน ของคนอื่น เพราะแม้แต่ของตัวเองก็ยังสละให้คนอื่นได้ ดังนั้นการให้ทานก็จะช่วยส่งเสริมการรักษาศีลได้ เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้บุญกิริยาวัตถุนั้นมีความหมายกว้างกว่ากุศลกรรมบถ 10 ตรงที่มีการกล่าวถึงการ ให้วัตถุสิ่งของเป็นทานด้วย ได้แก่ การถวายปัจจัยไทยธรรมแก่พระภิกษุ เป็นต้น มโนสุจริต สงเคราะห์เข้ากับ “ภาวนา” ในบุญกิริยาวัตถุ เพราะภาวนานั้นเป็นการบำเพ็ญ เพียรเพื่อกำจัดกิเลสในใจ และที่สำคัญคือ คู่ปรับของโลภะคือทาน คู่ปรับของโทสะคือศีล และคู่ปรับของโมหะคือภาวนา หากได้ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอยู่สม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดกิเลสทั้ง 3 ตระกูลคือ โลภะ โทสะ และ โมหะ ไปเรื่อย ๆ จนหมดในที่สุด (2) ฝ่ายอกุศลกรรม หมายถึง กรรมฝ่ายชั่ว เป็นการกระทำที่บุคคลทำด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เป็นการกระทำที่มีโทษ เดือดร้อนในภายหลัง มีทุกข์เป็นผล พฤติกรรมที่จัดเป็นอกุศลกรรม คืออกุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออก 3 ทาง ตามการ กระทำที่เกิดขึ้นทางกาย วาจา และใจ ดังนี้คือ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มจร. เล่ม 31 ข้อ 2 หน้า 414. * สัทธัมมปกาสินี อรรถกถาขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มก. เล่ม 68 หน้า 48. บ ท ที่ 3 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ชี วิ ต ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า DOU 55
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More