ข้อความต้นฉบับในหน้า
บัญญัติ ในที่นี้หมายถึง การบัญญัติสิกขาบทอันเป็นศีลแต่ละข้อของพระภิกษุนั่นเอง
สมาทาน แปลว่า การถือเอารับเอาเป็นข้อปฏิบัติ
ไม่บัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ หมายถึง การที่พระภิกษุไม่บัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติมจากที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้
ไม่เพิกถอนสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว หมายถึง การที่พระภิกษุไม่ถอนสิกขาบทที่พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้แล้ว
สมาทานประพฤติอยู่ในสิกขาบททั้งหลายตามที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว หมายถึง การนำสิกขาบท
ทุกข้อที่เป็นพุทธบัญญัติมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
สิกขาบททุกข้อของภิกษุและภิกษุณีนั้นเป็นพุทธบัญญัติทั้งสิ้น ไม่ได้เกิดจากการประชุมปรึกษา
กับคณะสงฆ์ว่า ควรจะบัญญัติสิกขาบทข้อไหน อย่างไร การประชุมสงฆ์นั้นเป็นเพียงการแจ้งให้สงฆ์
ทราบว่า มีเหตุเกิดขึ้นและพระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทข้อนั้น ๆ อย่างไร พระภิกษุและภิกษุณีเมื่อ
รับทราบแล้วจะได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติ
ในการบัญญัติสิกขาบทนั้นมีขั้นตอนดังนี้
เมื่อมีเหตุที่ไม่เหมาะสมจากการกระทำของพระภิกษุเกิดขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทรงเรียก
ประชุมสงฆ์ สอบถามเรื่องราว ตำหนิผู้กระทำความผิด แจกแจงให้ทราบว่าการกระทำนั้นไม่เหมาะสม มี
โทษอย่างไร แล้วทรงบัญญัติพระวินัยขึ้น ห้ามมิให้พระภิกษุกระทำพฤติกรรมอย่างนั้นอีก พร้อมกำหนดโทษว่า
หากภิกษุรูปใดฝืนไปกระทำ จะมีโทษอย่างไร ส่วนภิกษุที่เป็นเหตุต้นบัญญัตินั้นถือว่ายังไม่ต้องรับโทษ เพราะ
ในขณะกระทำการนั้นยังไม่มีบทบัญญัติห้าม พระองค์ไม่ปรับความผิดย้อนหลัง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
บัญญัติพระวินัยขึ้นทีละข้อตามเหตุที่เกิดขึ้นอย่างนี้
แม้ในส่วนของพระธรรมคำสอนทั้งมวลในพระพุทธศาสนา เช่น ความไม่ประมาท อริยสัจ 4 มรรค
มีองค์ 8 ไตรสิกขา เป็นต้น ก็ล้วนมาจากพระพุทธองค์ทั้งสิ้น พระสาวกทำหน้าที่เพียงอธิบายขยายความ
คำสอนของพระองค์เท่านั้น
การที่สิกขาบททุกข้อเป็นพุทธบัญญัติจึงแตกต่างกับการบัญญัติกฎหมายทางโลก เพราะกฎหมาย
ทางโลกเกิดจากการประชุมระดมความคิดของนักกฎหมาย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา
เป็นต้น ไม่ได้เกิดจากความคิดของใครคนใดคนหนึ่งเพียงผู้เดียว
ถามว่า เหตุใดสิกขาบทต้องเป็นพุทธบัญญัติเท่านั้น เหตุใดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาตให้
ภิกษุหรือภิกษุณีบัญญัติสิ่งที่พระองค์มิได้บัญญัติไว้บ้าง เพราะในปัจจุบันชาวโลกถือว่า การประชุมระดม
ความคิดก็ดี การให้สมาชิกในองค์กรทุกคนช่วยกันเสนอความเห็นอันแตกต่างหลากหลายก็ดี จะช่วยให้
งานที่ทำบังเกิดผลดีมากกว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งคิดงานอยู่คนเดียวแล้วสั่งให้คนอื่นทำตาม
- ราชบัณฑิตยสถาน (2525), พจนานุกรม, (ฉบับอิเล็กทรอนิกส์),
210 DOU บทที่ 7 พระสงฆ์ : ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เ จ้ า