ข้อความต้นฉบับในหน้า
เวลาได้ยินเสียง เวลาดมกลิ่น เวลาสัมผัส เวลาลิ้มรส หรือระลึกถึงอารมณ์ต่าง ๆ
3) อาชีวปาริสุทธิศีล หมายถึง การเลี้ยงชีพชอบ เลี้ยงชีพด้วยวิสัยของสมณะคือการปฏิบัติตน
อยู่ในพระธรรมวินัย แล้วอาศัยปัจจัย 4 ที่ญาติโยมถวายด้วยศรัทธาเลี้ยงชีพ ไม่เลี้ยงชีพด้วยการประกอบ
อาชีพอย่างฆราวาส หรือไม่หลอกลวงเขาเลี้ยงชีพ กล่าวคือ บวชแล้วไม่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่อาศัย
ผ้าเหลืองเพื่อเลี้ยงชีพ เป็นต้น
4) ปัจจัยสันนิสสิตศีล หมายถึง ศีลที่ว่าด้วยการให้พิจารณาปัจจัย 4 ก่อนบริโภค คือ จีวร บิณฑบาต
ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค โดยให้พิจารณาว่า เราบริโภคสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ยังชีพอยู่ได้ จะได้มีเรี่ยวแรง
และบำเพ็ญสมณธรรมได้สะดวก ไม่บริโภคด้วยตัณหา
ปาริสุทธิศีล 4 นี้ยังมีรายละเอียดอีกมากในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะปาฏิโมกข์สังวรศีลคือศีล 227
สิกขาบทเท่านั้น
ปาฏิโมกขสังวรศีล แบ่งออกเป็น 8 หมวดคือ ปาราชิก 4 สิกขาบท, สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท
อนิยต 2 สิกขาบท, นิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30 สิกขาบท, ปาจิตตีย์ 92 สิกขาบท, ปาฏิเทสนียะ 4 สิกขาบท
เสขิยวัตร 75 สิกขาบท และอธิกรณสมถะ 7 สิกขาบท รวมทั้งหมดเป็น 227 สิกขาบท
คําว่า สิกขาบท มาจาก สิกขา + บท “บท” คือ ข้อ และ “สิกขา” คือ ศึกษา สิกขาบทจึงแปลว่า
ข้อศึกษา หมายถึง ศีลแต่ละข้อนั่นเอง
สิกขาบทเหล่านี้จะเรียงลำดับจากโทษหนักไปหาโทษเบา กล่าวคือ ปาราชิกมีโทษหนักที่สุด ส่วน
สิกขาบทอื่นจะมีโทษลดหย่อนลงมาเรื่อยๆ โดยเสขิยวัตรจะมีโทษเบาที่สุด ส่วนอธิกรณสมถะนั้นเป็นวิธี
ระงับอธิกรณ์ ไม่ได้มีการกำหนดโทษเหมือนสิกขาบทหมวดอื่น เพราะไม่ได้เป็นสิกขาบทที่ต้องถือปฏิบัติ
โดยทั่วไปแต่จะใช้เฉพาะการระงับอธิกรณ์หรือคดีความที่เกิดขึ้นเท่านั้น
1) ปาราชิก แปลว่า ผู้พ่ายแพ้ พ่ายแพ้ในที่นี้คือพ่ายแพ้ต่อเส้นทางของนักบวชเพราะปาราชิก
เป็นสิกขาบทหนักที่ภิกษุใดล่วงละเมิดจะขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่ว่าจะมีผู้อื่นรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แม้ยัง
ครองผ้าเหลืองอยู่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นพระภิกษุแล้ว แต่เป็นฆราวาสที่เอาผ้าเหลืองมาห่อไว้เท่านั้น ดังนั้นผู้ที่
ล่วงละเมิดสิกขาบทปาราชิกเข้าแล้วจึงต้องลาสิกขาออกไป และจะไม่ได้รับอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุอีก
การล่วงละเมิดหรือทำผิดสิกขาบทแต่ละข้อเรียกว่า “อาบัติ” หรือ “ต้องอาบัติ” ผู้ที่ล่วงละเมิด
สิกขาบทปาราชิกก็จะเรียกว่า “ต้องอาบัติปาราชิก” จะเห็นว่าสิกขาบทปาราชิกนั้นมีชื่อสิกขาบทกับชื่อ
อาบัติเหมือนกัน แต่บางสิกขาบท เช่น หมวดเสขิยวัตรนั้นชื่อสิกขาบทกับชื่ออาบัติไม่เหมือนกัน กล่าวคือ
หมวดเสขิยวัตรมีชื่ออาบัติว่า “ทุกกฎ
2) สังฆาทิเสส แปลว่า สิกขาบทที่ต้องอาศัยสงฆ์ในกรรมเบื้องต้นและกรรมที่เหลือ หมายความ
ว่าเป็นสิกขาบทที่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดเข้าแล้วจะต้องอาศัยสงฆ์ช่วยจัดการแก้ไขให้ สังฆาทิเสสนั้นมีโทษหนัก
รองลงมาจากปาราชิก ผู้ล่วงละเมิดไม่ถึงกับขาดจากความเป็นภิกษุ ยังสามารถแก้ไขได้ ส่วนผู้ที่ต้องอาบัติ
ปาราชิกไม่สามารถแก้ไขได้
บทที่ 7 พระสงฆ์ : ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 195