ข้อความต้นฉบับในหน้า
ข่าวร้าย บางข่าวก็ไม่เป็นความจริง มีคำกล่าวหนึ่งที่สะท้อนภาพของสื่อได้ชัดเจนคือ “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดี
เสียตังค์” จากการสำรวจข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
พบว่า มีทั้งหมด 11 ข่าว เป็นข่าวการเมือง 2 ข่าว ข่าวทั่ว ๆ ไป 2 ข่าว ที่เหลืออีก 7 ข่าวนั้น เป็นข่าวร้าย
ทั้งสิ้น ได้แก่ การฆาตกรรม การฆ่าตัวตาย ข่าวผู้ทำผิดกฎหมาย ฯลฯ ข่าวเหล่านี้จะพิมพ์ด้วยอักษรตัวใหญ่
และมักโชว์ภาพอันน่าสยดสยองให้เห็นอย่างเด่นชัด
จริง ๆ แล้วข่าวการเมืองทุกวันนี้ก็มีแต่เรื่องร้อน ๆ แฉกันไป แฉกันมา จริงบ้าง ไม่จริงบ้างก็ว่า
กันไปได้ทุกวัน ข่าวทั่ว ๆ ไปที่มักถูกนำเสนอคือ เรื่องส่วนตัวด้านลบของดารา ซึ่งจะมีมาให้ได้ยินได้ฟังกัน
เป็นช่วง ๆ ผู้ที่ตกเป็นข่าวหลายคนถึงกับหมดอนาคตไปเลย และยังส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบของ
เยาวชนอีกจำนวนมาก โดยสังเกตได้ว่าเมื่อมีข่าวหนึ่งเกิดขึ้น ต่อมาไม่นานก็จะมีผู้ตกเป็นข่าวประเภทนั้น
ตามมาเป็นช่วง ๆ
ๆ
หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ ก็คล้าย ๆ กัน หากกล่าวเฉพาะข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ
แล้ว ประมาณ 60-80 % เป็นข่าวร้าย เป็นข่าวด้านลบ เมื่อครั้งที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีถึงกับเอ่ยปากแก่สื่อมวลชนว่า “สื่อก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ถ้าเรามองเฉพาะในส่วนที่
เป็นด้านลบอย่างเดียว ไม่เสนอในสิ่งที่ดีงามให้กับสังคมบ้าง สังคมก็คงจะลำบาก และกล่าวว่า นายแพทย์
ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้พูดว่า “ถ้าเรื่องเลวเขาก็ลงในสื่อ ถ้าเรื่องดีต้องจ้างถึงลงได้” ก็เป็นเรื่องที่
ท่านทั้งหลาย ควรจะมองตัวเอง ต้องคิดดูว่าอะไรบ้างต้องช่วยกันเพื่อช่วยสังคมของเรา...”
พระภิกษุและสามเณรในประเทศไทยในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300,000 รูป จึงเป็นเรื่องธรรมดา
ที่จะมีผู้ที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยบ้าง เพราะคนในโลกก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี จึงเป็นไปได้ที่จะมีคนไม่ดีหลุด
เข้ามาบวช แม้แต่ในสมัยพุทธกาลก็มีอยู่ไม่น้อยที่ภิกษุผิดศีลถึงขั้นปาราชิกคือขาดจากความเป็นพระ แต่
ขณะเดียวกันพระภิกษุที่ตั้งใจฝึกตนจนบรรลุธรรมเป็นพระอริยสงฆ์ก็มีจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันพระที่
ตั้งใจปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยก็ยังมีอยู่มากเช่นกัน บ่อยครั้งที่มีพระภิกษุนับ 100,000 รูป
มาสวดมนต์และปฏิบัติธรรมร่วมกัน ณ วัดพระธรรมกาย แต่แปลกที่ความดีของพระภิกษุเหล่านี้ไม่ค่อยได้
รับการเสนอเป็นข่าวแก่สาธารณชน คนในสังคมจึงเข้าใจไปว่าพระดี ๆ หาไม่ค่อยได้แล้ว
สิ่งที่พุทธศาสนิกชนต้องทำคือ ช่วยกันดูแลรักษาพระพุทธศาสนา อุปัฏฐากพระภิกษุสามเณรให้ดี
ให้ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเต็มที่ พระภิกษุสามเณรรูปใดที่ปฏิบัติชอบก็ช่วยกันส่งเสริมยกย่องให้
เป็นบุคคลต้นแบบของสังคม ผู้ที่มาบวชภายหลังจะได้เจริญรอยตาม แต่ถ้าพบพระภิกษุสามเณรรูปใด
ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ก็ต้องช่วยกันจัดการแก้ไข ไม่นิ่งดูดาย แต่ไม่ควรนำมาประจานให้หมู่สงฆ์เสียหาย อาจ
จะแก้ไขด้วยการแจ้งผู้ปกครองสงฆ์บ้าง หรือถวายความรู้ท่านบ้าง หากท่านไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงและ
สามารถกลับตัวกลับใจได้ ก็จะเป็นกำลังสำคัญของพระศาสนาต่อไป หากชาวพุทธทั้งหลายช่วยกันอย่างนี้
- หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ (2549), สุรยุทธ์ ฟังเสียงวิจารณ์ ไม่กลัวลุกเป็นไฟ ลุยล้างรัฐตำรวจ, (ออนไลน์)
บทที่ 7 พระสงฆ์ : ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 187