ข้อความต้นฉบับในหน้า
แนวคิด
1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความหมาย 2 นัย นัยแรกคือ พระธรรมกายในตัวของพระองค์ ส่วน
นัยที่สองคือ บุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้ตรัสรู้อริยสัจ 4 และสอนให้ชาวโลกตรัสรู้ตาม
พระนามของพระพุทธองค์มีหลายอย่างขึ้นอยู่กับนัยต่าง ๆ ของพระพุทธคุณ เช่น ทรงพระนาม
ว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” เพราะตรัสรู้โดยถูกต้องด้วยพระองค์เอง, ทรงพระนามว่า “พระพิชิตมาร” เพราะ
ว่าก่อนตรัสรู้ทรงเอาชนะเหล่ามารที่มาขัดขวางพระองค์ได้ ฯลฯ
มนุษย์ทุกคนสามารถเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ หากตั้งความปรารถนาแล้วตั้งใจสร้างบารมี
อย่างยิ่งยวด เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมแล้วก็จะได้ตรัสรู้ธรรมในที่สุด ผู้ปราถนาพุทธภูมิจะได้เนมิตกนามว่า “พระ
โพธิสัตว์”
2. พระพุทธคุณนั้นมีมากสุดที่จะพรรณนา แต่โดยย่อมี 3 ประการคือ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ
และพระมหากรุณาธิคุณ
3. ก่อนตรัสรู้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระนามว่า “สิทธัตถะ” ทรง
ออกผนวชเมื่อพระชนมายุได้ 29 พรรษา และตรัสรู้ธรรมหลังผนวชได้ 6 พรรษา จากนั้นทรงเผยแผ่ธรรม
จนมีคนได้ตรัสรู้ตามจำนวนมาก พระองค์ปรินิพพานหลังประกาศธรรมได้ 45 พรรษา วันประสูติตรัสรู้และ
ปรินิพพานของพระองค์ตรงกันคือ วันเพ็ญเดือน 6
4. บารมีที่ต้องสร้างเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามี 10 ประเภท ได้แก่ “ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา
วีริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา” บารมีทั้ง 10 นี้มี 3 ระดับคือ ระดับต้นคือ บารมี : บำเพ็ญ
แบบธรรมดาไม่ถึงกับแลกด้วยเลือดเนื้อ, ระดับกลางคือ อุปบารมี : ยอมเสียเลือดเนื้อเพื่อให้ได้บารมี และ
ระดับสูงสุด คือ ปรมัตถบารมี : ยอมสละชีวิตเพื่อให้ได้บารมี
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเรื่องพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. สามารถนำความรู้และพุทธจริยวัตรที่ดีงามมาเป็นต้นแบบในการสร้างบารมีและดำเนินชีวิต
ให้ประสบความสุขความสำเร็จได้
บทที่ 5 พ ร ะ พุ ท ธ : พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า DOU 95