ข้อความต้นฉบับในหน้า
4) ระดับปรโลก คำว่า ปรโลก แปลว่า โลกหน้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในวัตถุปสูตรว่า
“จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกงฺขา ฯ จิตฺเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา ฯ” แปลว่า เมื่อจิตเศร้าหมอง
ทุคติเป็นที่ไป เมื่อจิตไม่เศร้าหมองคือผ่องใสสุคติเป็นที่ไป
ทุคติ แปลว่า คติชั่ว คือ อบายภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน ส่วน สุคติ แปลว่า
คติดี ได้แก่ การมาเกิดเป็นมนุษย์ สวรรค์ หรือ พรหมโลก
สาเหตุที่ทำให้จิตเศร้าหมองหรือผ่องใสคือบาปและบุญนั้นเอง โดยบาปจะทำให้จิตเศร้าหมอง แต่
บุญจะชำระล้างจิตให้ผ่องใส
ผู้ที่สั่งสมบาปไว้มาก จิตก็จะเศร้าหมองเป็นปกติ และด้วยจิตที่เศร้าหมองนั้นเมื่อละโลกจะทำให้
ไปเสวยทุกข์ยังทุคติภูมิ ส่วนผู้ที่สั่งสมบุญไว้มาก จิตก็จะผ่องใสเป็นปกติเพราะบุญเป็นเครื่องชำระล้างจิต
ให้ผ่องใส ทำให้จิตบริสุทธ์จากบาป และด้วยจิตที่ผ่องใสนี้เองเมื่อลาลับจากโลกนี้ไปก็จะไปเสวยสุขอยู่ใน
สุคติภูมิตามกำลังบุญของตน หากบุญมากและตั้งความปรารถนาไว้ ก็จะได้ไปเกิดยังพรหมโลก หากบุญ
น้อยลงมาก็จะได้เกิดบนสรรค์ชั้นต่าง ๆ ถ้าบุญหย่อนกว่านั้นก็จะได้กลับมาเกิดยังโลกมนุษย์อีกครั้ง
แต่ถ้าผู้ใดสั่งสมบุญและบารมีจนเต็มเปี่ยมแล้ว และได้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
สามารถจำกัดกิเลสได้หมดก็จะไม่ต้องเวียนว่าตายเกิดอีกต่อไปละโลกแล้วก็จะไปเสวยสุขอยู่ในอายตนนิพพาน
ปกติแล้วการส่งผลของกรรมในระดับปรโลกจะเป็นอย่างนี้คือ คนสั่งสมบาปมากจะไปทุคติ ส่วน
คนสั่งสมบุญมากจะไปสุคติ แต่ทั้งนี้ก็มีกรณีพิเศษเหมือนกันคือ บางคนทำอกุศลกรรมไว้มาก แต่ก่อนตาย
ได้สร้างบุญบางอย่างและจิตผ่องใสด้วยบุญนั้น ก็จะไปสู่สุคติได้เหมือนกัน เพราะสภาพจิตก่อนตายเป็นตัว
ชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการไปสู่ปรโลก แต่กรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ทางที่ดีที่สุดคือการสั่งสมบุญให้
ต่อเนื่องจนจิตผ่องใสเป็นปกติ
พระเจ้ามิลินท์เคยถามพระนาคเสนในเรื่องนี้ว่า
“ข้าแต่พระนาคเสน คำว่าผู้ไม่ได้ทำบุญตั้ง 100 ปี แต่ในเวลาจะตายได้สติ นึกถึงพระพุทธเจ้า
เพียงครั้งเดียว ก็ได้ไปเกิดในหมู่เทพเจ้า ดังนี้ คำนี้โยมไม่เชื่อ อีกคำหนึ่งว่า ทำปาณาติบาตเพียงครั้งเดียว
ก็ไปเกิดในนรกได้ คำนี้ โยมก็ไม่เชื่อฯ”
พระนาคเสนย้อนถามว่า “ก้อนหินเล็ก ๆ ทิ้งลงไปในน้ำ จะลอยขึ้นบนน้ำได้ไหม”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้าฯ”
พระนาคเสนถามว่า “หากนำก้อนหิน 100 เล่มเกวียน ขนใส่ไว้ในเรือลำใหญ่ ๆ เรือลำนั้นจะลอย
อยู่บนน้ำได้ไหม”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ได้ พระผู้เป็นเจ้าฯ”
พระนาคเสนตอบว่า “ขอถวายพระพร กุศลกรรมเปรียบเหมือนเรือฯ แต่ถ้าเรือบรรทุกของหนัก
1
สุตฺตนฺตปิฏเก มชฺฌิมนิกายสฺส มูลปัณณาสก์ วัตถุปมสุตต์, ภาษาบาลี ฉบับสยามรัฐ, เล่ม 12 ข้อ 92 หน้า 64.
บทที่ 6 พระ ธ ร ร ม : คำสั่ง ส อ น ข อ ง พ ร ะ ส ม ม า สั ม พุ ท ธ เจ้า
DOU 169