ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐูกาแปล ภาค ๒ - หน้าที่ 191
แล้วกำหนด (รู้) ด้วยญาณของตนเองแล้วว่า "บัดนี้ ภิกขุผูมุตรของเรา ได้อาจอธิษฐานให้โอวาทแล้วจึงกลับมาอีก" แล้วได้จัดแจงอาหารอันเป็นที่สบายถวายแก่พระเถรนั้น
[พระเถระบรรดาพระอรหันต์และระลึกชาติได้]
พระเถรนั้นได้โกนชะอันเป็นที่สบายแล้ว โดย ๒-๓ วันเท่านั้น ก็ได้รับรู้พระอรหัต ยังอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่มรรคและผล คิดว่า "นำขอบใจ มหาปุญาสิกาได้เป็นที่พึ่งของเราแล้ว เราอาศัยมหาปุญาสิกานี้ จึงถึงซึ่งการแล่นออกจากภาพได้ แล้วใครจะครองอยู่ ว่า มหาปุญาสิกานี้ได้เป็นที่พึ่งของเราในอภาพนี้ก่อน ก็เมื่อเรา ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร มหาปุญาสิกานี้เคยเป็นที่พึ่งในอภาพแม้บ่อน ๆ หรือไม่ ? แล้วจึ่งตามระลึกไปดูลึกดูด ฝี อัตราพา
แม้นว่าภิกษานั้น ก็เป็นนางมาทาบริจาค (ฤทธิ์) ของพระเถรนั้นใน อัน อัตราพ เป็นผู้มีจิตปุพพัทธ์ในชายเหล่านี้ จึงให้ปลุงพระเถรนั้นเสียจากชีวิต
พระเถรนั้นเห็นโทษของมหาอุปาสิกานี้เพียงเท่านี้แล้ว จึงคิดว่า "น่าสงเวช มหาปุญาสิกานี้ได้ทำกรรมมหันต์แล้ว" [อาบาสิกาใครครองดูบรรพชิตกิจของพระเถร] ฝายมหาอุปาสิกานั้นในเรือนนั้นเอง พางใครครองว่าว่า "กิจแห่งบรรพชิตของภิกษุผู้นั้นของเรา ถึงที่สุดแล้ว หรือยังหนอ ?”
ทราบว่าพระเถรนั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว จึงใครครองยิ่งขึ้นไป ก็ทราบว่า "ภิกษุผูมุตรของเราบรรลุพระอรหัตแล้ว คิดว่า 'น่า