ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๒ - พระธัมม์ปัจจุบันแปล ภาค ๒ - หน้า 207
ไหว้กฐินบู๊หลาย ขอบรรพชาแล้ว ลำดับนั้น ภูมิทั่งหลายให้ เขาบรรพชาอีกแล้ว ด้วยอำนาจแห่งอุปกะธ, เขาบวชแล้วก็สึก อยู่ๆอย่างนี้ ๖ ครั้ง ภิกษุทั้งหลายถือว่า "ภิกษุนี้ เป็นไปในอำนาจ แห่งจิตเที่ยวไปอยู่" จึงนับนามแก่ว่า "จิตหัศจรรย์นะ:"
[ครั้งที่ ๓ เขาเกิดธรรมสังเวชเลยบอกไม่สึก]
เมื่อนายจิตหัศจรรย์นี้เที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ๆอย่างนี้ภีวา ได้รับบรรพชาแล้ว ในวาระที่ ๓ เขาแบกเครื่องใจจากป่าไปเรือน วางเครื่องใช้ไว้แล้ว เข้าห้องด้วยประสงค์ว่า "จิตขยันผ้ากาสาวะของตน." ในขณะนั้น ภรยาของเขากำลังนอนหลับ ผ้าที่หล่อนุ่ง หลอดลุย น้ำลายไหลออกจากปาก, จุ่มกิครนังกระดิ้ง ๆ, ปากอ้อ, กัดฟัน หล่อนปรากฏแก่เปรตูบประดู่ว่า เป็นของนี้. เขาคิดว่า "สรรีนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์. เราบวชตลอดกาลประมานนี้แล้ว อาศรัสรีนี้ จึงไม่สามารถดำรงอยู่ในภิกษุวะได้" ดังนั้นแล้ว ก็จ้องผ้ากาสาวะ พันท้อง พลางออกจากเรือน. จะนั่น แม้ชยกของเขานั่งอยู่ที่เรือน คิดต่อกัน เห็นเขากำลังเดินไปด้วยอารมณ์อย่างนั้น สงสัยว่า "เจ้านี้ กลับไปอีกแล้ว เขามาจากป่าเมื่อวานนี้เอง พันผ้ากาสาวะ ที่ออกเดินบ่ายหน้าตรงไปวิหาร; เกิดเหตุอะไรหนอ?" จึงเข้าเรือน เห็นลูกสาวหลับอยู่ รู้ว่า "เขาห็นลูกสาวของเรานี้ มีความรำคาญ ไปเสียแล้ว" จึงคลอดสาว กล่าวว่า "นางจ้วชาชาติ จงลูกขึ้น.
ผิวของตน เห็นเองกำลังหลับ มีความรำคาญไปเสียแล้ว, ตั้งแต่ยังเองจะไม่มีเขาละ" ลูกสาวกล่าวว่า "หลีกไป หลิกไปเดี๋ยแม่"