ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๒ - พระธัมปรัชญาแปล ภาค ๒ - หน้า 5
ในสมัยนั้น นกหัศสิงห์บินมาโดยอากาศ เห็นพระราชเทวีจึงฉลองปีกบินโผง โดยหมายว่า "ซิ่นเนื้อ." พระราชาทรงตกพระทัยด้วยเสียงโพลงของนกนั้น จึงสัญญูกับเด็กน้อยในพระราชวังว่า พระองค์จะไม่ไปโดยเร็วไป เพราะทรงครหัก และเพราะเป็นผู้มีชาติแห่งคนขลาด. ครั้งนั้น นกน้อยจึงโผลง ยังพระนั่นให้ลงอยู่ที่กระโจบบินไปสู่ดอกแล้ว เขาว่า พวกนกเหล่านั้น ทรงกำลังเทาช้าง ๕ เชือก; เพราะฉะนั้น จึงนำเหยื่อไปทางอากาศ จับ ณ ที่พอใจแล้ว ย่อมเคี้ยวมังสะแกน. แม้พระนางนั้น อ้นกนั่นนำไปอยู่ ทรงหวาดต่อมาร ภัย จึงทรงคิ้วว่า "ถ้าว่าเราร้องธรรมาคเสียง คน เป็นที่หวาดเสียงของสัตว์ตัวคิดจา มันฟังเสียงนั้นแล้ว ก็ถึงทิ้งเราสิ เสีย, เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ถึงความสิ้นชีพ พร้อมกับคำใครนวคร, แต่ฉบับจับในที่ใดแล้วเริ่มจะกินร่า, ในที่นั้นเราจงร้องขึ้น แล้วให้มันหนีไป. พระนางยืนยันได้ ก็เพราะความที่พระองค์เป็นบัณฑิต. ก็ในกาลนั้น ที่ทีมวันประเทศ มิด้นไทรใหญ่มันหนึ่ง เจริญขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ถึงอายุ โดยออกรากังมนตป. นกนั้น นำเหยื่อมีเนื้อเนื้อตันไปแล้ว ย่อมเคี้ยวกันนี้ตื่นไพรนั่น; เพราะฉะนั้น นกหัศสิงดิ้งคัดค้านนั้น นำพระราชเทวาเม่นั้น ไปที่ดินไทร นั่นแล วางไว้ในระหว่างค่ำปไม้ แลคุณอันตนมันมาแล้ว. นัยว่า การแลกทางบินมาแล้ว เป็นธรรมคาของนกเหล่านั้น. ในขณะนั้น พระราชเทวา ทรงดำริว่า "บัดนี้ ควรไล่นกนี้ให้หนีไป" จึงทรงยกพระหัตถ์ถึง ๒ ขึ้น ทั้งปรมอมือ ทั้งร้องใหนกนั้นหนีไปแล้ว