ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๒ - พระธัมม์ทัตฺถูปเสน (ภาค ๒ - หน้าที่ 195
พระเถร ตอบว่า "ผู้มีอายุ เฉองรับใครสรรเสน (และ)
ศีล ๕." เขารับใครสรรเสนและศีล ๕ แม้หล่านแล้ว จึงเรียนถาม
บุญกรรมที่ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น พระเถรึกแนะว่า "ถ้ากระนั้น เธอ
จริงรับศีล ๐." เขากล่าวว่า "คือจะ ขอรับ" แล้วรับ ศีล ๑๐.
เพราะเหตุที่เขาทำบุญกรรมอย่างนั้นโดยลำดับ เขาจึงมีมามา อนุ-
ปุพพเศรษฐีบูรณ. เขาเรียนถามอีกว่า "บุญอันใครผมพึงทำ แม้งิ่ง
ขึ้นไปกว่านี้ ยังมีอีกหรือ ? ขอรับ" เมื่อพระเถรกล่าวว่า "ถ้-
กระนั้น เธอจงบวงซ" จึงออกบวงชแล้ว ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรม
รูปหนึ่ง ได้เป็นอาจารย์ของเธอ ภิกษุผู้ทรงพระวิปัสสนูหนึ่ง เป็น
พระอุปเสนาภายในเวลาที่กบู้นั้นได้อุปสมบทแล้วมาสำหรับของตน
(อาจารย์) อาจารย์กล่าวปัญหาในพระอภิธรรมว่า "ชื่อว่า ใน
พระพุทธศาสนา ภิกษุทำสิ่งนี้
จึงควร, ทำสิ่งนี้จึงไม่ควร."
[อยากสอนฌุปผม]
ท่านคิดว่า "โอ! กรรมนี้หนัก; เราใครจะฟันจากทุกๆ จึง
บวง, แต่ในพระพุทธศาสนา สถานเป็นที่หยียมมือของเรา ไม่
ปรากฎ, เราดำรงอยู่ในเรือนก็อาจฟันจากทุกในวัฏฏะได้ เราควร
เป็นกุศลสำค (ดีกว่า)." ตั้งแต่นั้น ท่านกระสัน (จะสี) หมดสิ้นดี
(ในพรหมวรรษ) ไม้ทำการส่ายในอากาศ ๑๒. ไม่เรียนอุเทส