ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
แนวคิดการบำเพ็ญบารมี(๕)
๔๗
ไปก็พบว่า อวิชชา คือ ความไม่รู้ครอบงำสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ทําให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากภพทั้งสามไปได้ ดังนั้นจะต้อง
แสวงหาความรู้
ตั้งแต่ความรู้จากการได้ยินได้ฟังที่เป็นสุตมย
ปัญญา จากสํานักอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงต่างๆ ความรู้จากการ
พินิจพิจารณาไตร่ตรองทดลองด้วยตนเอง ซึ่งเป็นจินตมยปัญญา
รวมไปถึงความรู้แจ้ง คือ ภาวนามยปัญญา อันเกิดจากการ
เจริญสมาธิภาวนาข้ามภพข้ามชาติ ความรู้เหล่านี้จะมาทำลาย
ความมืดแห่งอวิชชาให้หมดสิ้นไป
*บารมีอย่างที่ ๔ คือ ปัญญาบารมี ท่านสอนตนเองว่า
จะบำเพ็ญปัญญาบารมี อุปมาเหมือนภิกษุที่เดินบิณฑบาต ไป
รับภัตตาหารที่ใดก็ตาม จะบิณฑบาตไปตามลำดับ ไม่ว่าผู้ที่
ใส่บาตรจะมาจากตระกูลไหน วรรณะใด ชนชั้นใดก็ตาม จะเป็น
ชนชั้นสามัญทั่วไป ชนชั้นกลาง เศรษฐีหรือชนชั้นสูง เป็น
พระราชามหากษัตริย์ ท่านก็จะรับบิณฑบาตหมด เหมือนกับ
ผู้แสวงหาความรู้ใส่ตัว ความรู้นั้นอยู่ในบุคคลใด ในวัยไหน
ในฐานะใดหรือในชนชั้นใดก็ตาม ขอให้มีความรู้ที่นํามากำจัด
อาสวกิเลสได้ ท่านก็จะไปขอความรู้จากคนเหล่านั้น
หลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้าง ที่บางภพชาติท่านเกิดใน
*มก. ทูเรนิทาน เล่ม ๕๕ หน้า ๓๖