ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะ ประช
เดิน ต า ม ท า ง ข อ ง บัณฑิต(๕)
๒๕๔
กล่าวโน้มน้าวใจว่า “ผู้ใดเมื่อแขกนั่งแล้ว บริโภคโภชนะแต่ผู้เดียว
ผู้นั้นเท่ากับกลืนกินเบ็ดอันมีสายยาวพร้อมทั้งเหยื่อ เพราะเหตุนั้น
ท่านจงขึ้นสู่หนทางของพระอริยเจ้า จงให้ทานด้วย จงบริโภคด้วย
เพราะผู้บริโภคคนเดียวหาได้มีความสุขไม่”
มัจฉริยโกสิยเศรษฐีได้สดับคำนั้น ถึงกับถอนหายใจยาวๆ
เพราะความตระหนี่ยังกลุ้มรุมจิตใจ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหลีก
เลี่ยงจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้แต่กล่าวเชื้อเชิญ
ให้นั่ง เมื่อพราหมณ์ทั้ง ๕ ท่าน นั่งพร้อมกันแล้ว ข้าวปายาส
ก็สุกพอดี เศรษฐียกข้าวปายาสลงจากเตา และบอกให้พราหมณ์
ไปหาใบไม้มาคนละใบ พราหมณ์แต่ละท่านไม่จําเป็นต้องลุกขึ้น
ท่านนั่งอยู่ที่เดิม พลางเหยียดมือไปนำใบย่านทรายมาจาก
ป่าหิมวันต์
โกสิยเศรษฐีเห็นใบไม้ใหญ่เกินไป จึงบอกให้ไปเอาใบ
ตะเคียนใบเล็กๆ พราหมณ์จําแลงก็นําใบตะเคียนมา ใบไม้แต่ละใบ
ที่นำมานั้นใหญ่ประมาณเท่าโล่ของทหาร โกสิยเศรษฐีตักข้าว
ปายาสให้พราหมณ์คนละทัพพี แต่ดูเหมือนว่าข้าวปายาสก็หา
พร่องลงไปถึงก้นหม้อไม่ นั่นเป็นเพราะเทวานุภาพ
ครั้นเศรษฐีได้ให้แก่พราหมณ์ทั้ง ๕ ท่านแล้ว ตนเองนั่ง
จับหม้อไว้ หวังจะรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้น
เหตุการณ์ที่เศรษฐีไม่คาดฝันมาก่อนก็เกิดขึ้น นั่นคือ ปัญจสิข