ข้อความต้นฉบับในหน้า
Boประช
มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๑ ๓
ทิ ต ต อ น ที่ ๑ ๓ (ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์)
๔๓๖
แม้มีชาติตระกูลสูงย่อมเป็นผู้รับใช้ของคนหาชาติมิได้แต่มียศ
ข้าพระองค์เห็นความดังนี้ จึงขอทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลว
ทราม ส่วนคนมีสิริเป็นคนประเสริฐ”
พระเจ้าวิเทหราชได้สดับคำของเสนกะ ก็ไม่ตรัสถาม
อาจารย์อีก ๓ คน แต่ข้ามไปถามมโหสถบัณฑิตว่า “ดูก่อนมโหสถ
ระหว่างคนพาลผู้มียศ และบัณฑิตผู้ไม่มีโภคะ นักปราชญ์
ยกย่องคนไหนว่าประเสริฐกว่ากัน” มโหสถทูลตอบอย่างไม่
ลังเลใจว่า “โปรดสดับเถิดพระมหาราชเจ้า คนพาลทำกรรมที่
เป็นบาปหยาบช้า สําคัญว่าอิสริยยศของเราในโลกนี้ประเสริฐ
คนพาลมองเห็นแต่ประโยชน์ในโลกนี้ไม่เห็นประโยชน์ในโลกหน้า
ต้องได้รับเคราะห์ร้ายในโลกทั้งสอง ข้าพระองค์เห็นความเหล่านี้
จึงขอกราบทูลว่า คนมีปัญญาประเสริฐแท้
เมื่อมโหสถบัณฑิตบรมโพธิสัตว์กราบทูลเช่นนั้น
พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรมาทางเสนกะอีกครั้ง ทรงพอ
พระทัยที่จะฟังบัณฑิตของพระองค์แสดงความคิดเห็น จึงตรัส
ถามเสนกะว่า “มโหสถสรรเสริญคนมีปัญญาว่าเป็นผู้สูงสุด
ท่านจะแย้งว่าอย่างไรล่ะ” เสนกะทูลว่า “ข้าแต่พระมหาราชเจ้า
มโหสถยังเด็ก แม้ทุกวันนี้ปากของเธอยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
มโหสถจะรู้อะไร ฝูงนกบินไปบินมาตามต้นไม้ในป่าที่มีผลดกฉันใด
ชนเป็นอันมากย่อมคบหาสมาคมผู้มั่งคั่งมีโภคทรัพย์มาก เพราะ