ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานทางกายภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับรวบรวมงานวิจัยโดยอ้าง
ดำรัสตอบว่า ด้วยเหตุที่สรรพสัตว์มีอาบัติอยู่จึงไม่อาจ
เห็นพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าคันเสดจมาได้ และแมว่า
ธรรมกายของพระพุทธเจ้าจาจฉายรัศมีต่อเนื่องหรือทรงเทคนา
ธรรมตลอดเวลา แต่สรรพสัตว์นั้นก็ไม่อาจเห็นและได้ยินพระองค์
เพราะมีบาปของตนฯ อยู่ เช่นคนตาบอดไม่อาจหาอาธิษ
อุทย์ คนหูหนวกไม่อาจได้ยินกันนานแห่งอสูบปาม...เมื่อส่อง
น้ำใสกระจกเงาวช่างเราจะมองเห็นหน้าชัดดี แต่ด้วยน้ำอุ่น
กระจกฝ้ามัวเราไม่อาจเห็นอย่างไรได้ เช่นเดียวกันสัตว์ที่มี
ใจบริสุทธิ์ก็อาจเห็นพระพุทธเจ้า แต่สัตว์ที่ใจไม่บริสุทธิ์อ่อน
ไม่เห็นพระพุทธเจ้าได้เลย แม้พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้
จะดำรงในทศเศคดอยิพัทธสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่นี้ แต่สรรพ
สัตว์ก็ไม่อาจเห็นได้19
คัมภีร์นี้ระบุชัดเจนว่าพระพุทธเจ้ามี 2 กาย คือ ธรรมกายทะหรอ
กายแท้ของพระพุทธเจ้า และกายที่ได้จากบิดามารดาหรือรูปภายอันเป็นกาย
ที่เปลี่ยนแปรได้20 และจากข้อความที่ยกเป็นตัวอย่างช้างต้น หากยกเอาเรื่อง
พระโพธิสัตว์มาหายออกแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าธรรมกายของพระพุทธเจ้าจะเห็นได้ด้วยใจที่บริสุทธิ์เท่านั้น ความหมายของธรรมกายในลักษณะดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดตรัยไว้มาตลอด 700 ปีของกลุ่มคัมภีร์ปรัชญาปรมิตา
หลังนั่นราว พ.ศ. 1100 แนวความคิดปรัชญาปรมิตก็ได้รับอิทธิพลจากวัชรยาน และในที่สุดได้สูญหายไปจากอินเดียรวด พ.ศ. 1700