ข้อความต้นฉบับในหน้า
รูปเข้าเฝ้าและสนทนาธรรมกับจักรพรรดิ้นิ้มดัง พระองค์ทรงบังเกิดความเลื่อมใสประกาศตนเป็นพุทธมามกะ อีกทั้งยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัดมีขาวถวายพระเกษะทั้งสองรูป และทรงอุปถัมภ์พระเกษะในการแปลพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนอีกด้วย
เมื่อพระพุทธศาสนาได้รับการประดิษฐ์ฐานส่งสู่ประเทศจีนในยุคโอว๋อ่นแล้ว ศาสนกิจสำคัญอย่างยิ่งของพระธรรมทูตในสมัยนั่น คืิอการแปลพระสูตรต่างๆ จากต้นฉบับภาษาดั้งเดิมเป็นภาษาจีน ซึ่งงานแปลเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนเรื่อยมาพระสูตรที่สำคัญๆ ทั้งหมดได้รับการแปลออกมาจนครบถ้วนและสิ้นสุดลงในคราวกงศ์กิ่ง แม้ว่าบในภายต่ออาจจะมีการแปลพระสูตรต่างๆ ออกมา บ้าง แต่ก็เป็นพระสูตรที่หลงเหลืออยู่ประมาณ20 การแปลพระสูตรต่างๆ เป็นภาษาจีนในปัจจุบันมีความยากลำบาก ไม่สามารถทำได้ครอบถ้วนภายในชั่วโมงอายุคุณ ต้องใช้เวลายาวนานหลายร้อยปี ประวัติศาสตร์จีนได้แบ่งยุคงานแปลออกเป็นสามช่วง ช่วงแรกอยู่คี่โคอ่วนหรืออั้มตะวันออก (พ.ศ. 568-763) ซึ่งผู้แปลหลักคือพระธรรมทูตชาวต่างชาติ ช่วงที่สองอยู่ในคราวชงถ่อง (พ.ศ. 1161-1450) เป็นความร่วมมือทำการแปลของพระธรรมทูต ชาวต่างชาติและชาวจีน และช่วงสุดท้ายอยู่ในยุคราชวงศ์ถง (พ.ศ. 1530-1822) นักแปลชาวจีนดำเนินการเองทั้งหมด เนื่องจากมีทักษะความชำนาญการแปลมากแล้ว ในช่วงแรกของการแปลพระคัมภีร์นั้น มหานครลั่วหยางเป็นศูนย์กลางการแปล มีคณะธรรมทูตชาติต่างชาติเป็นหลักการทำงาน พระธรรมทูตเหล่านี้เป็นชาวพาร์เธียน ชาวญาณนะ ชาวซอกเดียน และกลุ่มเชื่อสายชาวอินเดีย หนึ่งในนักแปลสำคัญชาวพาร์เธียนในยุคแรกนี้คือพระอนชื่อภาวะ ผกดตั้งสำนักงานปฏิบัติธรรมที่มีฐานะคำสอนของหินยาน โดยมีศิษย์ผู้ใกล้ชิดคือพระคงเช็งหุ้ย และ