การเจริญสมาธิภาวนาและธรรมกายโคตรสภาพ : หน้า 294/374

เมื่อได้กายธรรมโคตรรูปแล้วผู้ปฏิบัติสามารถเจริญสมาธิภาวนาต่อไปได้อีก ซึ่งจะได้ผลเป็นธรรมกายต่างๆ อีกคือธรรมภิยโคตรภูละเอียด ธรรมภิยโคตรของใน ธรรมภิยโคตรลับนะละเอียด ธรรมภิยโคตรสภาวะแม้ ธรรมภิยโคตรคามมีละเอียด ธรรมภิยโคตรอรหัต และธรรมภิยโคตรละเอียดในที่สุด เป็นที่สั่งยกได้ว่าธรรมภิยโคตรยาของพระโสดาบันเทียบได้กับโสดาบันติผล ซึ่งจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันในระดับพระสุกทาคามี พระอานาคามี และพระอรหันต์ ทั้งนี้แปลความหมายจากพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนีว่าด้วยศรีธรรมอธิษฐานจัดเป็นปริสปกต 8 จัดเป็นบุคคล 8 หรือจัดเป็น 4 คู่ คือ พระโสดาบันติธรรม พระโสดาบันติผล พระสภาวะกามมิชฌิมธรรม พระสภาวะกามมิผล หยาบนั้นเป็นธรรมส่วนละเอียดนั้นเป็นผลพระอานาคามิธรรม พระอานาคามิผล พระอรหัตธรรม พระอรหัตผล รวมเป็นพระอริยบุคคล 8 จำพวกหยาบเป็นธรรมละเอียดเป็นผล ข้อความข้างต้นแสดงว่าความสำเร็จขั้นธรรมจะต้องสลับกับขั้นผล กล่าวคือเมื่อสำเร็จจากขันธ์โลภัปติมรรคลแล้วจึงไปสู่โลภัปติผล สำเร็จจากสภาวะกามมิรคลแล้วจึงไปสู่สภาวะกามิผล จากอานาคามิธรรมแล้วจึงไปสู่อานาคามิผล อรหัตธรรมแล้วจึงไปสู่อตัตผลในที่สุด ส่วนกิริยา “ฝัน” ที่กล่าวไว้ในการเทนของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนีซึ่งหมายถึงการหยุดใจในหนึ่งที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ให้เกิดเป็น