ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมาภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับรวบรวมงานวิจัยโดยอ่อย
คัมภีร์นี้รู้จักกันโดยทั่วในชื่ออธิษฐานว่ามีว่า “โล่ชัวตัวอัปโปจิอังส์”52 และในคัมภีร์นี้เองที่พบสิ่งที่ให้ความสำคัญต่อศูนย์กลางกายว่า “ความสามารถในการเผ้ารักษาสติไว้ภายในกลางกาย เรียกว่าศีติที่ตามเนื่องจากยใต้จาถึงเนื้อที่อยู่ตรงกลางกาย”53 เนื้อหาสำคัญในอานาปนสมุติสุตร เน้นอายการประคองรักษาสติไว้ภายในกลางกายผ่านจิตใจ54 สำหรับตำแหน่งการประคองรักษาสติไว้ภายในกลางกายนั้น อุบาสกเฉินหุ้55 ศิษย์ของพระอิ่นชื่อกวาได้เรียงเรียงเพิ่มเติมไว้ในคัมภีร์ชื่อ “อินออริ่งจู”56 ซึ่งในส่วนที่กล่าวถึง “อรรถาแห่งอานาปนสมต” มีข้อความว่า57 “ในขณะที่หายใจออกมาจากภายในที่ประกอบด้วยมหาฤตรปรีส ใจใต้ในนั้น”58 คำว่านาธฤฏรูปนี้คือ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ คำวามดังกล่าวหมายถึงการกำหนดใจนะ ปฏิบัติธรรมไว้กลางธาตุทั้งสี่ จากข้อมูลในคัมภีร์จีนทำให้ได้หลักฐานว่า อย่างน้อยในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 8๙ มีเทคนิคการปฏิบัติสมาธิของหินยานแบบมหายใจ (อานาปนาสติ) และชนะทำสมาธิอยู่wnผู้ปฏิบัติพึงวางใจไว้ที่กลางมหาฤฏรูปสี
เมื่อเปรียบเทียบกับหลักการสอนสมาธิของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) ที่กล่าวถึงการประคองรักษาสติ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี กล่าวไว้ว่าให้รวมใจไว้วรงตำแหน่งที่สุดของมหายใจเข้าออก อันเป็นตำแหน่งศูนย์กลางฐานที่เจิดชี้เป็นฐานที่ตั้งของใจ60 และในส่วนของมหาฤฏรูปนี้นั้น พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนีได้แสดงไว้ในผังทางเดินของใจและตำแหน่งที่ตั้งของจิต ว่าขณะปฏิบัติสมาธิภาวนา ใจจะต้องวางอยู่ตรงความว่างหรืออากาศซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกลาง ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟภายในกายของผู้ปฏิบัติ