ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปรโถคฺ - พระอธิบายพุทฺธธาแปลภาค ๑๓ - หน้า ๑๕
กราบทูลอั้ว่า "พระเจ้าข้า ขึ้นชื่อว่าดินเหนียวหมานอ" จึงตรัสว่า "อย่างนั้น ภูมิเยอหลาย ขึ้นชื่อว่าดินหาของสัตว์เหล่านี้หยาบ; สนิมตั้งขึ้นแต่หลิ่ ยอมก็หลิ่นนั้นเอง ยอดให้หลิ่นมาผนไป ทำให้เป็นของใช้ของไถ่เชอไม่ได สิน ใด; ดินเหนียว (ก็) ฉนั้นเหมือนกัน เกิดขึ้นภายในของสัตว์เหล่านั้นแล้ว ยอมให้สัตว์เหล่านั้นเกิดในอบาย นรกเป็นต้น ให้ถึงความพินาศ" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระทานว่า: -"สนิมตั้งขึ้นแต่หลิ่ ถตั้งขึ้นแต่หลิ่แล้ว ย่อมกัดหลิ่นนั้นเอง ฉะใด; กรรมทั้งหลายของ คน ย่อมนำบุคคลผู้มีปัญญาดังปัญญาเชื้อว่า โรนา ไปสู่ทุกดี ฉันนั้น."
[แก้รจร]
บทว่าบรรดาเหล่านั้น ทว่า อยาสา คือแต่หลิ่กะ. ทว่า สนิมฉาย คือดังขึ้นแล้ว. ทว่า ทตุฏฐาย คือดังตั้งขึ้นแต่เหลิ่นนั้น. ในบทว่าอธิเทนาวาจีปี ปัจจจ์พึงทราบวินิจฉัยดังนี้:- ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาปัจจัยว่า "การบริโภคนี้ เป็นประโยชน์ด้วยปัจจัยเหล่านี้" แล้วบริโภค พระผู้มีพระภาคตรัสว่าโธนา, บุคคลประพฤตก้าว่ว่าปัญญาเชื่อว่าโธนานั้น ชื่อว่า อธิโธนาวจี. พระผู้มีพระภาคตรัสเป็นคำอธิบายไว้ดังนี้ "สนิมเกิดขึ้นแต่หลิ่ ตั้งขึ้นแต่หลิ่ ย่อมกัดเหลิ่นนั้นเอง ฉะใด; กรรมทั้งหลายของคน คือกรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นของตนเองและ เพราะฉะนั้นในตน ย่อม
๑. อยาสา=อยสา-อิว-ฉันใด.