ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระธรรมปริยัติภาค ๑ หน้า 85
บทว่า อวิตฺถุ คือ ไม่รู้โดยปกติ. อธิบายว่า "กิริยคนเห็นปานนั้น แม้เป็นผู้จงใจไม่สนิท; อีกอย่างหนึ่ง ไม่ชื่อว่าโมโมในภูมิ แต่เป็นผู้บำเพ็ญสมาธิ และไม่รู้โดยปกติ.
บทพระคาถาว่า โย อติจ ตูจอ ปคฺูณ ความว่า เหมือนอย่างคนยืนถือดรางช้อนอยู่, ถ้าของมากเกินไป, ก็แหว่งออกเสีย, ถ้าของน้อย, ก็เพิ่มเข้า ฉันใด; ผู้ใดออก ชื่อว่าวันบาป ดูคนเอาของที่มากเกินไปออก. บังพิกุลกสลอุดรคุนเพิ่มของน้อยเข้า ฉันนั้นเหมือนกัน; ก็แลเมื่อทำอย่างนั้น ชื่อว่า ธรรมอันประเสริฐคือสูงสุดทีเดียว กล่าว็คือศีล สมา โภญา วิญญาณ วิปุโล วิปฺุลญาณ-ทัสสนะ เว้นบาป คือธรรมที่เป็นอุดมทั้งหลาย. สองท่าว ส มุขิ ความว่า ผู้ันนั้นชื่อว่าเป็นมุขิ. หลายบทว่า เทน โท มุขิ ความว่า หากมีคำถามลอดเข้าม่าว่า "ก็เพราะเหตุไร ผู้ขึ้นจื่อว่าเป็นมุขิ ?" ต้องแก้ว่า "ผู้ขึ้นเป็นมุขิ เพราะเหตุที่กล่าวแล้วในหลังก."
บทพระคาถาว่า โย มนฺติ อุกา โลโก ความว่า บุคคลผูใด รู้รถรางทั้ง ๒ นี้ ในโลกนี้ขึ้นเป็นต้นนี้ โดยนะเป็นตว่า "ขันธ์เหล่านี้เป็นภายใน, ขันธ์เหล่านี้เป็นภายนอก" ดูบุคคลอดตราชังขึ้นช้อนอยู่ ฉะนั้น. หลายบทว่า มุขิ เตน ปูจิต ความว่า ผู้ นั้น พระผู้พระภาคตรัสเรียก "เป็นมุขิ" เพราะเหตุนัน. ในกลอนบทสนทนา ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มี โศจาปิติผลเป็นต้น ดังนั้นเเล.
เรื่องเดียร์ถี אשป.