ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕ มิ่งคลอดำที่เป็นเปล เล่ม ๕ หน้า ๑๖๙
[๗๕๕] การฟังธรรม อันบุคคลอบรมโดยชอบแล้ว ย่อมให้
ถึงพระอรหัต ด้วยประการฉะนี้ เพราะเหตุนี้ ในปฏิบัณฑิต ตติย-
ปิณณกาน์ ในกุกนิบาต อังคุตรนิกาย พระผู้มีพระภาค จึงตรัส
ว่า " ภูกุฑทั้งหลาย กาล ๔ เหล่านี้ อันบุคคลอบรมโดยชอบอยู่
ประกูติด้วย ย่อมให้ถึงความสิ้นไปแห่งอสวะทั้งหลายโดย
ลำดับ กาล ๔ อย่างอะไรบ้าง ? คือ ฟังธรรมโดยกาล ๑ สนทนา
ธรรมโดยกาล ๑ แสดงธรรมโดยกาล ๑ เจริญวิปัสสนาโดยกาล ๑
เหล่านี้แห ภูกุฑทั้งหลาย กาล ๔ อย่าง ฯฯ ย่อมให้ถึงความสิ้น
ไปแห่งอสวะทั้งหลาย ภูกุฑทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่ผลิดใหญ่
ตกลงอยู่บนภูเขา น้ำไหลไปตามที่อุ่ม ย่อมยังลำธารแห่งภูเขา
ระแหง ห้วย และ แควไหลลง ตรำบม แล้ว ย่อมไปตามหนอง หนองเต็มแล้ว ย่อมไปตามบึง บึงเต็มแล้ว ย่อมไปตามแม่น้ำโนย แม่น้ำเต็มแล้ว ย่อมไปตามแม่น้ำใหญ แม่น้ำใหญ่เต็มแล้ว ย่อมไปตามสมุทรสาคร
ฉันใด, ภูกุฑทั้งหลาย กาล ๔ เหล่านี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแน ฯ ฯ
ย่อมให้ถึงความสิ้นไปแห่งอสวะทั้งหลาย" ดังนี้
สัทตมสูตร จบ.
[๔๐๐] อรรถกถาสัทตมสุตุนั้นว่า " ทวา กาลานี้ เป็นชื่อ
แห่งคุฏบรมทั้งหลายที่เป็นไปในกาลนั้น ๆ คือ ในวันฟังธรรม,
กาลเหล่านั้น อันบุคคลเจริญอยู่ และประกุฏิตามอยู่ สองบทธ
อ. อง. จุตกุ ๒/๙๙๘ ๒. มิน ป. ๒/๔๕๕