ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕ - มั่งคลีดที่เป็นเปล เล่ม ๕ - หน้า ๒๒๗
เพราะเหตุนี้ พระอรรถกาารย์ จึงกล่าวว่า ปริเจตโถน โหติ. บทว่า ตุตถ คือในธรรมตามที่กล่าวแล้ว. บทว่า อถานจาราสน คือ ด้วย อำนาจแห่งความเป็นไปแห่งญาณ. หลายบทว่า เตส เตส ธมมาน ได้แก่ รูปธรรมและอรูปธรรมซึ่งมาแล้วในธรรมคือโอวาทนั้น. บทว่า ลุกขณ ได้แก่ลักษณะของตน และลักษณะคือความเป็นของเสมอกัน. บทว่า ปริจิต คือ ย่อมถึงการสอดส่องโดยเน้นเป็นต้นว่า "นี่รูป. สองบทว่า อนาล อรปติ คือ ให้ญาตเป็นไป โดยเนีย ยเป็นต้นว่า "ไม่เที่ยง. ไม่ยั่งยืน ทำลาย เปื่อยพัง. หลายบทว่า วิ่มสญ ฯ ๗ อปชาติ คือ ย่อมถึงการเห็นคือใดตรอง ความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น จบุ ญอุดลึงค์ความเห็นแจ้งซึ่งหลำรุ- สัตว์และเหล่าอุปสัตว์นั้นแล โดยแจ่มแจ้ง." [๕๕๗] อรรถกาถอิติว่ากว่า "บัดนี้ พระผู้มีพระภาคตรัส คำเป็นต้นว่า ตถาฯ ติ๊ป ก็เพื่อทรงแสดงเหตุุ คือเครื่องอันพระองค์ ตรัสว่าการเห็นเป็นต้น ซึ่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น เป็นของมีอุปกะ มาก. บรรดาเหล่านั้น บทว่า ตถาฯ คือ ในพระอริยเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วยศิลเช่นนั้น. เพราะการเห็น การได้ยิน และการกระลึก ถึงเนือง ๆ มีกำรเข้าไปหาและการเข้าไปยังใกล้เป็นอรรถ จะนั่น เพื่อจะทรงแสดงว่าการเข้าไปหาและการเข้าไปนั่งใกล้เท่านั้น ไม่พาด พิงถึงการเห็น การได้ยิน และการกระลึกถึงเนื้อ ๆ นั้น จึ่งตรัสว่า เมื่อบุคคลสร้างเสพอยู่ คอบอยู่ เข้าไปนั่งใกล้ๆ. ก็ฉลาดทั้งหลาย
๑. ป. ทิอิต. ๔๕"