ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๕๕ - มังคลอดาถที่บันเปล่า เล่ม ๔ - หน้าที่ 178
ดูหมิ่น ตัดเรือ." คาบส ครับกล่าวอย่างนี้แล้ว ได้ทำละในวันนี้นั้น นั่นแห ในวันนั้นนั้นเอง.
เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาค จึงตรัสไว้ในชาดกนั้นแนะแล้วว่า
"สมณะผู้แสดงขันติ ได้แล้วในกาลที่ล่วงมาแล้ว
พระเจ้ากาสี ได้ตัดสมณะนั้นผู้ดำรงมั่นในขันติ."
อรรคถกาซาดนั่นว่า " บรรดาบทหลานนั้น บทว่า อติติ- มุกขาน คือ ในระยะกาลที่ล่วงมาแล้ว. บทว่า ขนุติกิโปน คือ ผู้สำรรเสริญขันติคือลความอดกลั้น. บทว่า อเนทย คือ รับสั่งให้มั่ง."
[๔๙] กล่าวอุทาหรณีในสองบทว่า อายสม ปุณณฏเถโร ดังต่อไปนี้ :-
ดังได้สังคมมา กฐุวชื่อ ปุณนะ ในแคว้นสุหนวาปรันนะ ไปสู่ กรุงสาวดีดี เพื่อค้าขายทางเงียบ ฟังเทศนาของพระศาสดาแล้ว มีประสงค์จะบวช จึงให้เรียกนายกัลทาริม พวด่า " ท่านจงให้ทรัพย์ทั้งหมดแก่น้องชายของท่านซึ่งอาว่า จูฬณเณข แล้วมอบทรัพย์ทั้งหมดให้ บวชในสำนักงานของพระศาสดา ได้เป็นผู้มุ่งหน้าต่อกัมมมุนฐาน.
ที่นี้ เมื่อท่านอยู่ในกรุงเทพดี ทำไมใจถึงกับมุ่งฐานอยู่กัมมมุนฐาน ก็ไม่ปรากฏ. ดังนั้นนั่น จึงคิดว่า " ขนุนนี้ไม่เป็นที่สบาย" มีประสงค์จะไปยังแคว้นสุหนวาปรันนะเท่านั้น จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลขอพระโอวาท.