ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕ - มังคลดาภิธานี แปลเล่ม ๔ - หน้า ๑๕๕
ที่ประพฤติพรหมจรรยาในกาลก่อนของเรา" ภิกษุทั้งหลาย สติเดิมฉันท์ ชา, ที่นั้น ภิกษุผู้นั้น มีสติ จะเป็นผู้ลิขิตโดยผลานท์เดียว.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้นำดอกในเสียงกลอ เขาเดินไปแล้วในทางไกล พึงได้ยินเสียงกลอ, ความสงสัยหรือความแคลงใจว่า 'เสียงกลอหรือ ๆ มิใช่เสียงกลอหนอเล่า' ดังนี้ ไม่พึงแก้บูรณะนั้นเลยทีเดียว, โดยที่แท้ บูรณะนั้น พึงถึงความตกลงว่า 'เสียงกลอ' ที่เดียว ฉันใด, ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุฉันนั้นเหมือนกัน
และ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ, ลวะทีนั่น ภิกษุผู้นั้น สิตจะเป็นผู้ลิขิตโดยผลานท์เดียว. ภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่ไปตามโสด ๆ อันภิกษุเทวดาเถลอดด้วยดีวาทิฏฐิ, นี้เป็นอานิสงส์ ที่ ๒ อันภิกษุริงหวังได้.
ภิกษุทั้งหลาย ข้ออันที่ควรกล่าวว่ามืออ้อม, ภิกษุย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ, ลวะที ย่อมเข้าถึงหมู่เทพ, บทธรรมทั้งหลายย่อม
ไม่ปรากฎแก่ภิกษุผู้นี้, ผู้ซึ่งในหมู่เทพนั้นเลยทีเดียว, ทั้งภิกษุผู้มฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญทางใจ ก็มีได้แสดงธรรมแก่เทพบริษัท, คือแต่ว่า เทพพุทธ ย่อมแสดงธรรมแก่พบริษัทเลย, ภิกษุผู้นั้น จะมีความคิดเห็นว่างว่า 'ธรรมวินัยนี้ล้วน ๆ ๆ ๆ ๆ จะเป็นผู้ลิขิตโดยผลานท์' ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้อาศดในเสียงสังข์ เขาได้เดินไปแล้วในทางไกล ๆ ๆ ๆ นี้บัณฑิตฉันท์ธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตามโสด ๆ อันภิกษุแทตลอดด้วยดีวาทิฏฐิ, นี้เป็นอานิสงส์ ข้อที่ ๓ อันภิกษุ