ข้อความต้นฉบับในหน้า
คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์
พุทธภาษิตบทนี้ย่อมมีนัยว่า ใจบัญชากายให้ทำสิ่งต่างๆ การกระทำ
ของบุคคลจะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับใจ ถ้าใจคิดดีการพูดและการกระทำของ
บุคคลย่อมดีงาม และเป็นประโยชน์เสมอ แต่ถ้าใจคิดร้าย การพูดและ
การกระทำของบุคคลย่อมเลวร้าย มีโทษ มีอันตราย ตามไปด้วย
ตามธรรมดาร่างกายของคนเราย่อมมีโอกาสอ่อนแอ เสื่อมโทรม
เพราะถูกโรคต่างๆ เบียดเบียนได้เสมอ ใจของคนเราก็เช่นเดียวกันย่อม
อ่อนแอ เสื่อมทราม ด้วยโรคต่างๆ ได้ตลอดเวลา แต่โรคที่เบียดเบียน
จิตใจให้อ่อนแอ ป่วย และด้อยคุณภาพนั้น ท่านเรียกว่า “กิเลส” ไม่
เรียกว่าโรค
แท้ที่จริงกิเลสนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภท ไม่แพ้โรคทางกาย
แต่เพื่อให้เข้าใจและจดจำได้ง่าย พระพุทธศาสนาจึงจัดแบ่งกิเลสออกเป็น
ตระกูลใหญ่ เพียง ๓ ตระกูล ดังกล่าวแล้ว
ถามว่ากิเลสเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เกิดแล้วอยู่ที่ไหน?
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
“โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นในตน ย่อมกำจัดบุรุษผู้มีจิตลามก
เหมือนขุยไผ่กำจัดไม้ไผ่ ฉะนั้น” ๒
จากพุทธภาษิตบทนี้ย่อมเห็นได้ว่า กิเลสทั้งหมด เกิดขึ้นในใจของ
เรา (คำว่าตนในบริบทนี้หมายถึงใจ) นั่นคือ กิเลสเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง
ที่เกิดขึ้นและฝังตัวอยู่ในใจของทุกคนมาตั้งแต่เกิด ถ้ามีสิ่งเร้ามากระตุ้นก็
จะกำเริบขึ้นแล้วแผ่ขยายตัวออก ปกคลุม ครอบงำ ชำแรก กัดกร่อน
บังคับบัญชา บีบคั้นจิตใจ ให้คิดแต่เรื่องร้ายๆ อันเป็นสาเหตุให้คนเรา
©) ยมกวรรค ขุ. ธ. มก. ๔๐/๑๑/๑
๒ กามสุตตนิทเทส ขุ. มหา, มก. ๑๕/๒๒/๒๔