ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๒
ขัดต้นไม้เพื่อหาเลขเด็ดไปซื้อหวยกัน อาจมีบางคนซึ่งมีโชคแล้วถูกหวยบ้าง
แต่ส่วนใหญ่ล้วนเสียเงินเสียทองฟรี กล่าวได้ว่า ยิ่งเสี่ยงโชคก็ยิ่งฝืดเคือง
มากยิ่งขึ้น
บรรดาต้นไม้ภูเขา แม่น้ำ ตลอดจนผีสางเทวดา ไม่ใช่ที่พึ่งอัน
เกษม ไม่ใช่ที่พึ่งอันอุดม จึงไม่สามารถช่วยให้คนเราพ้นทุกข์ พ้นภัยได้
ตัวอย่างเช่น
ในสมัยพุทธกาล ก็มีคนที่มีความเชื่อดังกล่าวอยู่มากมาย และ
มีหลักฐานปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาหลายแห่ง
เรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อสิงคาลกะ ซึ่งมีนิสัยดื้อรั้นอวดดี ทำนองเดียว
กับเด็กวัยรุ่นปัจจุบันที่ขาดการอบรมฝึกฝนด้านศีลธรรม คุณธรรมนั่นแหละ
แม้มีมารดาบิดาเป็นคฤหบดีผู้มั่งคั่ง อีกทั้งเป็นพระโสดาบัน ทั้งคู่ แต่อาจ
จะไม่มีเวลาอบรมบุตรมากพอ จึงไม่สามารถอบรมสั่งสอนสิงคาลกะให้
เลื่อมใสศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเหมือนกับตน
ก่อนหลับตาลาโลก บิดาจึงให้โอวาทบุตรชายเพียงสั้นๆ ว่า “ลูก
จงนอบน้อมทิศทั้งหลาย” ที่ให้โอวาทเช่นนี้ก็อาจเป็นเพราะคาดหวังว่า เมื่อ
พระบรมศาสดาหรือพระสาวกทั้งหลาย เห็นชายหนุ่มไหว้ทิศต่างๆ ซึ่งเป็น
ทิศทางด้านภูมิศาสตร์ก็จักแสดงธรรมชี้แจง ความหมายที่ถูกต้องของคำว่า
“นอบน้อมทิศทั้งหลาย” ให้แก่สิงคาลกะ เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงจะเกิดความ
เข้าใจถูก สามารถครองตนให้เป็นคนดีได้ ตลอดทั้งสามารถรักษามรดก ๔๐
โกฏิของบิดาไว้ได้ ไม่ให้อันตรธานสูญสิ้นไปเพราะกรรมชั่ว หรือเพราะ
๓
ประการได้โดยเด็ดขาดจะ
๑ พระโสดาบัน คือ พระอริยบุคคลชั้นต้นในพระพุทธศาสนา มีความเที่ยงแท้แน่นอนว่า
ชีวิตจะไม่ตกต่ำอีกแล้ว ทั้งนี้เพราะสามารถปราบกิเลสรากเหง้า
ไม่งอกขึ้นมาอีกเลยคือ (๑) สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน) ๒) วิจิกิจฉา (ความ
สงสัย) ๓) สีลัพพตปรามาส (ถือศีลและวัตรที่งมงายไม่สนใจเรื่องสมาธิและปัญญา) ส่วน
กิเลสที่เหลือก็จะถูกปราบให้ลดลงเรื่อยๆ และจะหมดสิ้นไปในอนาคตไม่เกิน ๗ ชาติ นั่นคือ
จะสามารถบรรลุพระนิพพานภายในอีกไม่เกิน ๗ ชาติ