ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๑
แสดงพฤติกรรมชั่วร้าย และทำร้ายตัวเราเองในที่สุด ทำนองเดียวกับต้น
ไผ่เมื่อออกขุยหรือเมล็ดแล้วก็ต้องยืนต้นตายนั่นเอง
อันตรายจากกิเลส
พระพุทธองค์ทรงเน้นย้ำว่า กิเลสทั้ง ๓ ตระกูลนี้ เป็นมลทินเป็น
อมิตร เป็นข้า กศัตรู และเป็นเพชฌฆาตภายในจิตใจคนเรา มีอำนาจ
ปกคลุมครอบงำใจคนให้มืดตื้อ มืดมิด ไม่เห็นธรรม กลายเป็นคนพาล
บางขณะก็กระตุ้นจิตใจให้กำเริบ จึงคิดทำเรื่องชั่วร้าย รุนแรง มีโทษภัย
และอันตราย บางขณะก็บีบคั้นจิตใจให้เจ็บปวดรวดร้าว จึงคิดอาฆาต
พยาบาท มุ่งทำลายล้างผลาญชีวิตศัตรูคู่อาฆาต บางขณะก็ชำแรกแทรก
ซึม เอิบอาบเข้าไปในจิตใจ จนทำให้จิตใจอ่อนแอ หมดสมรรถภาพที่จะ
สรรค์สร้างคุณความดี บางขณะที่ปกคลุมจิตใจจนมืดตื้อ มืดมิด คิดทำ
แต่ความชั่ว โดยไม่รู้สึกว่านั่นคือความชั่ว เพราะไม่มีปัญญาตรองหาเหตุ
ผลที่เหมาะสมถูกต้องตามความเป็นจริง
นอกจากนี้ คนพาลทั้งหลาย เมื่อประสบปัญหาเดือดร้อน แทนที่
จะคิดตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการหาทางระงับความเดือดร้อนนั้น กลับสร้าง
ปัญหาให้ยืดเยื้อต่อไปอีก ตัวอย่างเช่น ในกรณีของคู่รัก ดังที่เกิดเป็น
ข่าวบ่อยๆ เมื่อฝ่ายหนึ่งตีจาก ฝ่ายที่อกหักก็เศร้าโศกเสียใจ เป็นทุกข์มาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แทนที่จะคิดหาทางแก้ปัญหาด้วยฆรยุติปัญหา แต่ฝ่ายที่
อกหักกลับคิดพยายามเอาชีวิตของอดีตคู่รักที่ตีจากไปนั้นมาเพิ่มปัญหาอีก
ขณะที่ความพยายามยังไม่สัมฤทธิผล ตนเองก็กลุ้มกลัด ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย
ใจกับการวางแผนฆาตกรรม จนหาความสงบใจไม่ได้ ครั้นเมื่อกระทำตาม
ความแค้นได้สำเร็จ แทนที่จะมีความสุข กลับต้องทุกข์มากขึ้นอีกร้อยเท่า
พันทวี เพราะต้องพยายามคิดหาทางต่อไปอีก เพื่อป้องกันตนให้พ้นผิด