ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๒
ถูกขังอยู่ในที่มืดตามลำพังคนเดียว ย่อมเกิดความหวาดวิตก กลัวภัย
อันตรายจะเกิดขึ้นแก่ตน เขาจึงมีความคิดที่จะหาวิธีเอาตัวรอดปลอดภัย
ให้ได้ และถ้าถูกขังรวมกันอยู่ในห้องมืดหลายคน ทุกคนก็จะมีความคิดไปใน
ทางเดียวกัน คือต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ร่วมมือ
ร่วมใจกันทําอะไรก็ได้เพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน ขั้นต่อไปค่อยคิดกันใหม่
อุปมาข้อนี้ฉันใด คนที่ใจถูกห่อหุ้มด้วยกิเลสก็มีอุปไมยฉันนั้น
คือ มีความคิดเห็นแก่ตัวเป็นสำคัญ ที่เห็นแก่พวกพ้องก็เพื่อหวังจะใช้พวก
พ้องเป็นเครื่องมืออำนวยประโยชน์ให้แก่ตน
คนใจหยาบมีธรรมชาติเป็นคนใจแคบ เพราะใจขยายไม่ออก
และเป็นคนใจมืด เพราะถูกกิเลสห่อหุ้ม ทำให้ใจคิดทำสิ่งใดก็ขาดความ
ไตร่ตรอง คือ ขาดโยนิโสมนสิการ คิดตื้นๆ คิดเพียงแต่ว่า จะทำอะไร
อย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น แม้ว่าการกระทำนั้นๆ จะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น
ทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของสังคม ผิดศีลธรรม หรือแม้จะผิดกฎหมาย
ก็หาวิธีเลี่ยง เพื่อให้ได้ประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นของตนเป็นใช้ได้ กล่าวให้
ตรงก็คือ คนใจหยาบ เป็นคนมักง่ายนั่นเอง เพราะเหตุนี้คนใจหยาบ จึง
ขาดความรับผิดชอบต่อความอยู่ดีมีสุข ของเพื่อนร่วมสังคมและเพื่อนร่วมชาติ
คนประเภทนี้จึงสามารถทําลายหรือขายชาติได้ เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย อำนาจ
ตำแหน่ง ตลอดจนยศถาบรรดาศักดิ์ของตนเองและพรรคพวก
อาจกล่าวได้ว่า คนใจหยาบเป็นคนที่ขาดการไตร่ตรองไม่รู้จัก
แยกแยะระหว่าง ชั่ว-ดี ผิดถูก บาป-บุญ ควร-ไม่ควร หรือที่เรียก
ว่าขาดโยนิโสมนสิการ จึงคิดเห็นแก่ตัวและพวกพ้องเป็นใหญ่ ไม่คิดถึง
ประโยชน์ของส่วนรวมและชาติบ้านเมือง จึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมักง่าย
เกลือกกลั้วอยู่กับกรรมกิเลส ๔ เป็นอาจิณ มีพฤติกรรมไม่แตกต่าง
จากดิรัจฉาน จึงถือว่า คนใจหยาบขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อศักดิ์ศรี
แห่งความเป็นมนุษย์ของตนเองโดยแท้