ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๗
การเข้าไปสัมผัสชีวิตในเมืองใหญ่ ซึ่งผู้คนส่วนมากมีชีวิต
ความเป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย ก็มักจะทำให้บรรดา
ลูกจ้างหลงผิดคิดด้วยอวิชชาว่า การมีวิถีชีวิตเช่นนั้นน่าจะเป็นความสุขอย่าง
ยิ่ง จึงพยายามเลียนแบบ
สภาพความเป็นอยู่อย่างฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ของผู้คนในเมือง
ใหญ่ล้วนหนีไม่พ้นอบายมุข นับตั้งแต่การเสพสุรายาเมา การเที่ยวกลางคืน
การเที่ยวดูมหรสพ การเล่นการพนัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีแต่ทางเสียเงิน
บรรดาลูกจ้างซึ่งตามปกติก็มีรายได้น้อยอยู่แล้ว เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง
พัวพันกับอบายมุข ก็แน่นอนว่าจะต้องมีปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สินตาม
มาอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม บรรดาลูกจ้างที่เริ่มเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่
ถ้าได้ทํางานกับนายจ้างที่เป็นมิตรแท้ ก็เท่ากับได้กัลยาณมิตรชี้ทางสว่างให้
ทําให้สามารถครองชีวิตถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มีสัมมาทิฏฐิ มีหิริ
โอตตัปปะในระดับหนึ่ง ย่อมไม่ตกเป็นทาสของอบายมุข ก็ถือได้ว่าการ
เข้ามาทำงานหาเงินของลูกจ้างเหล่านั้น บรรลุวัตถุประสงค์ คือได้เงิน
เป็นกอบเป็นกำ สามารถนำกลับไปทำนุบำรุงครอบครัวให้อยู่ดีกินดีขึ้นได้
ในทางกลับกัน ถ้าได้พบนายจ้างที่ขาดอริยวินัย ซึ่งนอกจาก
จะไม่ปฏิบัติหน้าที่ของนายจ้างให้สมบูรณ์แล้ว ยังเอารัดเอาเปรียบลูกจ้าง
คดโกงแรงงานลูกจ้าง หรือทำทารุณกรรมต่อลูกจ้างอีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้
บรรดาลูกจ้างที่ถูกครอบง่าด้วยอวิชชาเป็นทุนเดิมอยู่ก่อน จิตใจมี
ภูมิคุ้มกันต่ำอยู่แล้ว ก็จะยิ่งตกต่ำลงไปอีก ย่อมตกเป็นทาสของอบายมุข
ได้โดยง่าย ต่อจากนั้นปัญหาต่างๆ ก็จะรุมเข้ามา เป็นแรงบีบคั้นจิตใจ
บรรดาลูกจ้างให้แสดงพฤติกรรมที่ผิดทำนองคลองธรรมออกมาทั้งทาง
กายและวาจา
๒๒๓