ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๗
อย่างไรก็ตาม บุตรที่เกี่ยวข้องพัวพันกับอบายมุขย่อม
ต้องการใช้เงินมาก อีกทั้งไม่มีวินัยในการใช้ทรัพย์ เมื่อได้เงินมา ก็ใช้จ่าย
อย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเงินหมดถ้ายังหามาอีกไม่ได้ ก็จำเป็นต้องหยิบยืม
ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ถ้าหยิบยืมไม่ได้ ก็จะแก้ปัญหาด้วยการลักขโมย
เด็กประเภทนี้ ถ้าไม่ได้รับการอบรมแก้ไขตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อ
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะมุ่งหน้าหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ โดยไม่สนใจว่าวิธี
การหาเงินของตนจะเป็นการกระทำสุจริตหรือทุจริต ขอให้ได้เงินมาเป็นใช้ได้
เพราะเงินคือพระเจ้าในชีวิตของเขา
๒) มีวจีทุจริต เนื่องจากบุตรที่พัวพันกับอบายมุข จะมีปัญหา
เงินไม่พอจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องแก้ร้อนด้วยการกล่าววจีทุจริต
เพื่อความอยู่รอดของตนเอง บางครั้งอาจพูดโกหกหลอกลวงเพื่อแก้ปัญหา
เฉพาะหน้า บางครั้งอาจใช้คำพูดพลิกแพลง ปอกลอก เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น
และเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตน โดยสรุปก็คือ พูดจาเชื่อถือไม่ได้ มี
พฤติกรรมเข้าท่านองตลบนกบนเวหานั่นเอง
๓) ประกอบมิจฉาอาชีวะ เพราะเหตุที่บูชาเงินเป็นพระเจ้า เด็ก
ประเภทนี้ย่อมหวังความมั่งคั่งร่ำรวยทางลัด หรืออย่างน้อยก็มีเงินใช้อย่าง
คล่องมือ โดยไม่ต้องขอจากพ่อแม่ อาชีพการงานที่จะทำให้ได้เงินอย่างง่ายๆ
โดยไม่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็คือมิจฉาอาชีวะ หรืออาชีพทุจริตผิด
ศีลธรรม ผิดกฎหมายนานาชนิด มิจฉาอาชีวะที่กำลังอยู่ในความนิยมของ
ผู้คนมิจฉาทิฏฐิไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ในยุคนี้ก็คือ การค้ายาเสพติด การ
ขายสินค้าปลอม และโสเภณีเด็ก เป็นต้น
๔. บุตรขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อทิศ 5 และต่อสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้
สมบูรณ์ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นประการที่ ๔ คือ บุตรทั้งหลายจะไม่มีความ