ข้อความต้นฉบับในหน้า
คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์
5. ความเกียจคร้าน คนที่เกียจคร้านย่อมยากจนขัดสน เมื่อ
ไม่มีเงินทองสำหรับจับจ่ายใช้สอย คนเกียจคร้านก็จะหันไปเบียดเบียน
ญาติสนิท มิตรสหาย เป็นอันดับแรก ขั้นต่อไปก็จะหันไปประกอบมิจฉา
อาชีวะต่างๆ หลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่การหลอกลวง กลโกง
กรรโชกทรัพย์ ลักขโมย จี้ปล้น ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนก่อให้เกิด
ปัญหาทั้งส่วนบุคคล ครอบครัว และสังคมโดยทั่วไป
บุคคลที่เกี่ยวข้องพัวพันอยู่กับอบายมุข 5 ประเภทนี้ แม้
เพียงประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงประเภทเดียว ก็ยากที่จะตั้งตนอยู่ใน
ความดีได้ ผู้ที่ตั้งตนเป็นคนดีไม่ได้ คือคนขาดอริยวินัย ย่อมจะทำบาป
กรรม ๑๔ เป็นประจำ
บางคนอาจจะมีปัญหาขาดเงินทองใช้สอยอยู่เป็นเนืองนิจ
๓๒๘ ทำให้การมีชีวิตอยู่ในชาตินี้ก็มีแต่ความยุ่งยากเดือดร้อนประหนึ่งตกนรก
เมื่อตายไป กรรมชั่วต่างๆ ที่เคยสร้างไว้ ก็จะส่งผลให้ไปตกนรกจริงๆ
อย่างไม่มีทางเลี่ยง ดังนั้นการเกิดมาเป็นมนุษย์ ผู้ได้ชื่อว่าสัตว์ประเสริฐ
ของเขา แทนที่จะได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีและอริยทรัพย์ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
เป็นทุนสำหรับการปฏิบัติตนเพื่อบรรลุมรรคผล นิพพานได้เร็วขึ้น กลับจะ
เป็นการดึงโอกาสนั้นให้เนิ่นนานออกไป ด้วยการมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์
ทรมานในสังสารวัฏต่อไปอีกโดยไม่มีวันจบสิ้น
ที่กล่าวมานี้คือโทษภัยของอบายมุข ที่เป็นเหตุให้คนเรามี
ปัญหาด้านเศรษฐกิจ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงชี้โทษภัยของอบายมุข
ในด้านที่จะดึงปัจเจกบุคคลให้จมลงสู่ความเดือดร้อน และความทุกข์ยาก
โดยส่วนตัว มิได้ทรงแสดงถึงผลกระทบที่จะก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคมโดย
รวม แต่ผู้มีปัญญาทั้งหลายย่อมตรองเห็นได้เองว่า ถ้าผู้คนแต่ละคนมี
ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เศรษฐกิจของชาติย่อมมีปัญหาอย่างแน่นอน แล้ว