ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๐
คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์
ผลดีของการสงเคราะห์ทั้ง ๒ ประการ ที่จะเกิดขึ้นแก่ฝ่ายผู้รับ
ท่านผู้อ่านย่อมจินตนาการได้เอง ส่วนผลดีที่สำคัญยิ่งซึ่งจะเกิดแก่ฝ่ายผู้ให้
ก็คือ ได้ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นจากระดับแบ่งปัน เป็นระดับช่วยเหลือกัน
โดยไม่หวังการตอบแทน
ขณะเดียวกันความสว่างในใจก็จะพัฒนาขึ้นอีก
ระดับหนึ่ง ก่อให้เกิดปัญญาสามารถตรองหาเหตุผลเกี่ยวกับสัมมาทิฏฐิใน
ระดับสูงขึ้นต่อไป เพราะเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ยัญที่บูชา
9 ส
แลวมผล"
สัมมาทิฏฐิระดับที่ ๓ การสังเวยที่บวงสรวงแล้วมีผล ผู้คน
ส่วนมากเมื่อเห็นคำว่า สังเวย และ บวงสรวง แล้ว ก็มักจะนึกถึงพิธี
เซ่นสังเวยผีตามแนวไสยศาสตร์ พิธีไหว้เจ้าหรือเช่นเจ้าตามธรรมเนียมจีน
ในพระพุทธศาสนาหมายถึง “การนำสิ่งของที่สมควรไปสักการบูชา
ผู้ที่ควรบูชา มีผลดีจริง ควรทำอย่างยิ่ง” ส่วนเรื่องที่จะสักการบูชาใครอย่างไร
ด้วยวัตถุประสงค์อะไรนั้น อาจสรุปเป็นหลักปฏิบัติได้ดังนี้ คือ
๑) จึงนำสิ่งของที่ควรไปสักการบูชาบรรพบุรุษและญาติผู้ล่วงลับ
ไปแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณของท่านและเพื่อระลึกถึง
๒) จึงนำสิ่งของที่ควรไปสักการบูชาผู้มีพระคุณ ขณะยังมีชีวิตอยู่
เช่น มารดาบิดา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนผู้ที่มีอุปการคุณอื่นๆ เพื่อ
แสดงกตัญญูกตเวทิตาต่อบุคคลเหล่านั้น
๓) จึงนำสิ่งของที่ควรไปสักการบูชาคนดีมีศีลธรรมสูงส่งสมเป็น
แบบอย่างของสังคม และเยาวชนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนดีที่ทำ
ประโยชน์ให้แก่สังคมโดยรวม ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะละโลกไปแล้วหรือ
ยังมีชีวิตอยู่