ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๗
ข้อนี้ฉันใด ถ้าทิศเบื้องบนมีอริยวินัย ปฏิบัติหน้าที่ของตน
อย่างสมบูรณ์ไม่บกพร่อง ทิศต่างๆ อีก ๕ ทิศ ย่อมมีอริยวินัยปฏิบัติ
หน้าที่ของตนๆ ได้สมบูรณ์ไม่บกพร่องฉันนั้น อาจจะมีบางคนในบางทิศ
ปฏิบัติหน้าที่หย่อนยานไปบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นขาดอริยวินัยจนกลายเป็น
มิจฉาทิฏฐิ มีอคติแรงกล้า ถึงกับก่อความระส่ำระสายขึ้นในสังคม ดังที่
เป็นอยู่ในปัจจุบัน
๒) นิยมการใส่ความ ด้วยอำนาจความคิดมิจฉาทิฏฐิ หวังจะ
ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ มากกว่าผู้อื่น ผู้ที่มีอคติ ก็จะพยายามหาวิธี
โฆษณาประชาสัมพันธ์ตนเองด้วยวิธีการต่างๆ มีการปรากฏตัวเป็นข่าว
ตามสื่อเป็นต้น เพื่อให้สังคมเห็นว่าตนนั้นควรได้รับสิ่งที่ตนหวังมากกว่า
คนอื่นๆ ที่(คิดว่า) เป็นคู่แข่ง ทั้งๆ ที่ตนควรจะได้รับน้อยกว่า หรือไม่
ควรได้รับเลย
ในขณะเดียวกันก็พยายามหาทางกำจัดคู่แข่ง ด้วยการใส่ไคล้
คู่แข่ง โดยการพูดเหน็บแนมบ้าง เอาเรื่องส่วนตัวในเชิงลบของคู่แข่งมา
เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างมีเลสนัยบ้าง ปั้นน้ำเป็นตัว โดยสรุปก็คือ คน
อคติจะมีวิธีหาประโยชน์ใส่ตัวหรือพรรคพวก ด้วยการพูดจาแบบ “เอาดี
ใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” นั่นเอง
๓) กระทำการใส่ไคล้ นอกจากการกล่าววาจาใส่ความผู้อื่น
แล้ว เพื่อให้ความคิดอคติของตนสัมฤทธิผลตามปรารถนา คนมิจฉาทิฏฐิ
ก็จะใช้การกระทำเพื่อเสริมน้ำหนักให้มากขึ้น โดยการทำใบปลิวโจมตีคู่แข่ง
บ้าง ทำบัตรสนเท่ห์ ถึงผู้บังคับบัญชาของคู่แข่งบ้าง หรือทำเอกสาร
ปลอมเพื่อแสดงการทําผิดกฎหมายของคู่แข่งบ้าง เป็นต้น
ส่วนบางรายที่มีมิจฉาทิฏฐิหนัก ก็ถึงกับตัดคู่แข่งด้วยการใช้
กลมารยา ลวงคู่แข่งให้หลงประพฤติผิดศีลธรรมบ้าง มิฉะนั้นก็ใช้วิธีลอบ
๒๓๕