ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๗)
ของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นตามวัย และบุคคลแวดล้อมที่โรงเรียน ส่วนเด็กที่
เคยมีสัมมาทิฏฐิมาจากครอบครัวถ้าไม่ได้รับการตอกย้ำจากทิศเบื้องขวา
และได้รับอิทธิพลมิจฉาทิฏฐิจากเพื่อนฝูงที่โรงเรียน สัมมาทิฏฐิของเขาที่
เคยมีอยู่ ก็อาจจะลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดไป แม้จะมีความ
รู้ทางด้านเทคโนโลยีเพิ่มพูนขึ้น แต่ก็จะเป็นความรู้ที่ขาดคุณธรรมกำกับ
ซึ่งนับเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เข้าทำนองที่ว่า ความรู้ด้านวิชาการหากเกิด
แก่คนพาล มีแต่จะนำความฉิบหายมาให้ เพราะเขาจะใช้ความรู้ไปในทาง
ที่ผิด
๒) มีวจีทุจริต วจีทุจริตของเด็กนักเรียนหรือบุคคลมิจฉาทิฏฐิ
นั้น มีมากมายหลากหลายรูปแบบ นอกเหนือไปจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด
พูดหยาบคาย เช่นพูดโต้แย้งพุทธพจน์ว่าไม่จริง ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่มี
ความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาเลย นอกจากนี้บางคนอาจกล่าวโจมตีผู้ที่รัก
การปฏิบัติธรรมว่าเป็นคนโบราณ คร่ำครึ ไม่ทันสมัย หรือเชื่อเรื่องงมงาย
เป็นต้น ซึ่งอาจมีผลโน้มน้าวให้คนปัญญาน้อยและพวกมิจฉาทิฏฐิอื่นๆ
พลอยเห็นคล้อยตามกับการกล่าวโจมตีนั้นด้วย
๓) ใช้ความรู้ในทางทําลาย นักเรียนมิจฉาทิฏฐิ แทนที่จะใช้
ความรู้ที่ตนได้ศึกษาเล่าเรียนมาในทางสร้างสรรค์ กลับนำไปใช้ในทาง ทำลาย
ดังที่มีข่าวปรากฏเป็นระยะๆ ว่า นักศึกษาอาชีวะบางคนหรือบางพวกท่า
ระเบิดพลาสติกหรือระเบิดขวดปาเข้าใส่กัน ขณะที่วิวาทกัน บางคนใช้ปืน
ที่ทำเองยิงคู่อริตาย นักศึกษาแพทย์บางคนฆ่าเพื่อนหญิงแล้วหั่นศพอำพรางคดี
นักศึกษาเครื่องกลท่ากุญแจผีไว้โจรกรรมรถยนต์ที่จอดตามที่สาธารณะ
เป็นต้น