ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๒
ความลำเอียงนอกจากจะเป็นการทำลายประโยชน์สุขของสังคมโดยรวมแล้ว
ยังทําลายเกียรติยศชื่อเสียงตลอดจนประโยชน์สุขของตนเองด้วย ดังที่พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในสิงคาลกสูตรว่า
“ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม (ขาดความเป็นธรรม กลั่นแกล้งผู้
อื่น) เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศของผู้นั้นย่อม
เสื่อมเหมือนดวงจันทร์ข้างแรม”
2
จากพุทธภาษิตนี้ย่อมหมายความว่า ความลำเอียงเห็นแก่
ประโยชน์ส่วนตนบ้าง ส่วนครอบครัวบ้าง ส่วนพรรคพวกหมู่คณะของตน
บ้าง แม้จะได้รับความสุขสบายก็เพียงเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็จะถูกติฉินนินทา
ทั้งนี้เพราะทรัพยากรในโลกนี้มีจำกัด ผู้มีอำนาจที่ลำเอียง ย่อมไม่ยอม
กระจายทรัพยากรให้แก่ส่วนรวม พยายามยึดครองไว้เป็นของตนหรือพรรค
ม
พวกของตน เขาจึงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนรวม จึงเสื่อมศักดิ์ ๖๕
ศรี และเกียรติยศ ชื่อเสียง เหมือนดวงจันทร์ข้างแรม แม้ในตอนแรกจะ
ยังมีแสงสว่างอยู่ แต่แสงสว่างก็จะลดลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มืดมิดหายไป
ตรงกันข้าม คนดี มีใจกว้าง มีใจละเอียด มีโยนิโสมนสิการ
เล็งเห็นโทษของความอยุติธรรม จึงควบคุมกาย วาจาของตนให้ตั้งอยู่ใน
ความเป็นธรรมเสมอ จึงประสบแต่ความสุขความเจริญ และมีเกียรติยศ
ชื่อเสียง ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในสิงคาลกสูตรว่า
“ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม (ลำเอียง) เพราะความรัก ความ
ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น เหมือนดวงจันทร์
ในข้างขึ้น"
ชง
๙ สิงคาลกสูตร ที.ปา.มก. ๑๖/๑๗๗/๒๙