ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ ๗
สัมมาทิฏฐิ และหิริโอตตัปปะ จิตใจย่อมอ่อนแอ ไม่สามารถต่อต้านเชื้อ
โรคคือกิเลสได้ ความคิดมิจฉาทิฏฐิจึงก่อตัวขึ
ตัวขึ้น
ถึงแม้จะพลาดจากทิศเบื้องหน้าไปแล้ว ก็ยังพอจะมีความหวัง
จากทิศเบื้องขวาอีกเมื่อไปโรงเรียน แต่ถ้าทิศเบื้องขวาขาดอริยวินัย ไม่
ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ เด็กๆ เหล่านี้ก็หมดหวังที่จะได้รับการ
ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ จิตใจที่อ่อนแออยู่แล้วก็จะไม่มีทางพัฒนาให้แข็งแกร่ง
ขึ้นมาได้เลย พูดง่ายๆ ก็คือจะเป็นเด็กที่มีปัญหาทั้งด้านการเรียนและ
ความประพฤติ อาจจะมีอยู่บ้างที่เด็กบางคนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดี
แต่เพราะเหตุที่ขาดหิริโอตตัปปะ ขาดสัมมาทิฏฐิ เขาก็อาจจะนำความรู้ไป
ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรม ดังนั้นเด็กมิจฉาทิฏฐิ ถึงจะเรียน
ดีก็ยังเป็นเด็กที่มีปัญหาอยู่นั่นเอง
ครั้นเมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่น เด็กวัยนี้ก็จะมีความคิดคล้อยตาม
เพื่อนฝูงมากกว่าพ่อแม่และครูอาจารย์ อาจจะเกรงใจพ่อแม่อยู่บ้างก็
เพราะยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้ หรืออาจจะเกรงใจครูอาจารย์อยู่บ้างก็เพราะ
กลัวสอบตก อย่างไรก็ตามเด็กวัยนี้ก็จะจับกลุ่มกันตามลักษณะนิสัย
ความสนใจและความเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กที่มีปัญหา ก็ย่อมจะคบหา
สมาคมกับเพื่อนที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกัน ยากที่จะได้เพื่อนดีๆ หรือ
มิตรแท้ ครั้นเมื่อคบกันไปนานๆ ต่างก็ถ่ายทอดลักษณะมิตรเทียมให้แก่
กันมากขึ้นๆ กลายเป็นนิสัยติดตัวไปจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ พร้อมที่จะ
แพร่เชื้อมิตรเทียมให้แก่คนรอบข้าง นับตั้งแต่เพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้อง
ผู้ใต้บังคับบัญชา ภรรยา / สามี ลูกจ้าง และบุตรธิดา
ครั้นเมื่อเข้าสู่วงการอาชีพ ย่อมได้มีโอกาสคบหาสมาคมกับ
เพื่อนใหม่ ซึ่งแต่ละคนย่อมมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมแตกต่างกันไป
บางคนอาจเป็นมิตรเทียม
บุคคลที่มีนิสัยมิตรเทียมติดตัวมา เมื่อได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็น
๒๐๓