คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ หน้า 42
หน้าที่ 42 / 397

สรุปเนื้อหา

ในคัมภีร์นี้กล่าวถึงกำเนิดของชีวิตในสามรูปแบบ ได้แก่ สังเสทชะกำเนิด ซึ่งเกิดจากสิ่งโสโครก และโอปปาติกะเกิดโดยไม่ต้องมีพ่อแม่ ต้องอาศัยผลกรรมในอดีต อย่างเทวดา เปรต อสุรกาย การเปรียบเทียบระหว่างผึ้งกับแมลงวันทำให้เห็นภาพของคนดีและคนเลว พร้อมกับการชี้ว่าเมื่อเข้าใจเรื่องกรรม เรื่องโลกหน้า และการศึกษาวิชาชีววิทยาจะทำให้สามารถเชื่อในโอปปาติกะได้อย่างมีเหตุผล

หัวข้อประเด็น

-กำเนิดชีวิต
-โอปปาติกะ
-การเปรียบเทียบผึ้งกับแมลงวัน
-ความเข้าใจในกฎแห่งกรรม
-การเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ ๓. สังเสทชะกำเนิด คือ เกิดในสิ่งโสโครก หรือจากสิ่งโสโครก ในซากศพบูดเน่า ในน้ำเน่า อาหารบูดเน่า ได้แก่ จุลินทรีย์สัตว์เซลล์ เดียวชนิดต่างๆ เป็นต้น ๔. โอปปาติกะกำเนิด คือ สัตว์ที่เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อ แม่ แต่อาศัยผลกรรมในอดีต ได้แก่ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และเมื่อเกิดแล้วก็โตทันที กำเนิด ๓ ประเภทแรก เป็นเรื่องเข้าใจง่าย สำหรับผู้คนโดยทั่วไป เพราะเป็นเรื่องจริงที่ได้รู้ได้เห็นกันในชีวิตประจำวัน ส่วนกำเนิดในข้อ ๔ นั้น ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใดๆ ให้ส่องดูได้ กระนั้นก็ตาม ผู้ที่มีใจสว่าง สามารถตรองหาเหตุผล จนเกิดความเข้าใจถูกทั้ง 4 ระดับ ดังที่ผ่านมาแล้วได้ ถ้าได้รับการ ๒๘ อธิบายชี้แนะที่เหมาะสมจากผู้มีธรรม ก็สามารถตรองตามและเกิดความ เข้าใจได้โดยไม่ยากนัก เช่นกรณีของผึ้งกับแมลงวัน แมลงทั้งคู่มีการเสพคุ้นต่างกัน ถ้า นํามาขังไว้ในที่เดียวกันสักระยะหนึ่ง แล้วปล่อยออกไป แมลงทั้งสองตัว ก็จะแยกกันไปสู่ ณ ที่ๆ มันเสพคุ้น แมลงผึ้งย่อมบินไปหาน้ำหวานตาม ดอกไม้ ส่วนแมลงวันย่อมบินไปสู่ที่สกปรกโสโครก บุคคลที่มีใจสว่าง ย่อมตรองได้ว่า คนดีนั้นเปรียบได้กับผึ้ง คิด สร้างแต่กรรมดีจนคุ้นเป็นนิสัย ส่วนคนเลวนั้นเปรียบได้กับแมลงวัน คือชอบทำแต่กรรมชั่วเป็นอาจิณ เมื่อตรองได้เช่นนี้ แม้ตนจะยังไม่เคย เห็นโอปปาติกะ แต่ครั้นเมื่อโยงใยความรู้เรื่องกฎแห่งกรรมเข้ากับความรู้ เรื่องโลกนี้โลกหน้า ประกอบกับความรู้เรื่องวิชาชีววิทยาที่เคยเล่าเรียน มาแต่เด็ก เกี่ยวกับจุลินทรีย์ ประเภทสัตว์เซลล์เดียว ที่ขยายพันธุ์โดย การแบ่งเซลล์ออกไปเรื่อยๆ การโยงใยองค์ความรู้ดังกล่าวเข้าด้วยกัน ก็ จะทำให้เชื่อว่า สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะมีจริง ตามพุทธดำรัส
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More