ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - คติฉันต์ตอนที่ 25
ส่วนแล้วควรเป็นเทวดเดียวกัน จะพึงเห็นประชาชนได้รอบด้าน
ฉันใด : ข้แต่พระผู้มีพระภาคผู้มีเมตตา คืผู้มีปัญญา ผู้มี
พระอัญญุรอบด้วยพระสัณญาณญาณ จนพระองค์เสด็จขึ้นสู่
ปราสาท ซึ่งแล้วด้วยธรรม คือ ส่วนด้วยพระปัญญา พระองค์เอง
ปราศจากความโศกแล้ว ของทรงแสดง คือ ทรงพิจารณาประชุม
ชนผู้คงด้วยความโศก ถูกความเกิดและความแก่ครอบงำแล้ว
ฉันนั้นแหละ ท้าวสัปปะดิพณ์เมื่อจะทรงจิตออกให้พระผู้มีพระภาค
เสด็จจิริกิไปเพื่อจะแสดงธรรม จึงกล่าวว่า "ของเจ้าเสด็จลูกขึ้น
เถิด."
พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า วิริ เป็นต้น ดังนี้ พระผู้มีพระภาค
มีพระนามว่า วิระ เพราะทรงมีความเพียร ทรงพระนามว่า วิริฒสงคราม
เพราะทรงชนะเทวดามาร มัจฉา กิเลสามาร และอังคาสามาร,
ทรงพระนามว่า สัตตวาสะ เพราะทรงสามารถช่วยสัตว์ให้พ้นจาก
กันดารมีชิตินิรนตร เป็นต้น, ทรงพระนามว่า ผู้ไม่มีหนี เพราะไม่มี
หน้า คือ กามฉันท์.
บทว่า อนุตสาน์ ได้แก่ คำ่วอน.
บทว่า พุทธะกํญา คือ ด้วยอินทรียโปรปิญญาณ และ
อาสญาณสูญญาณ. จริงอยู่ คำว่า "พุทธังกฺญ" เป็นชื่อแห่งพระญาณ
2 อย่างนี้.
บทว่า อุปุปถาคน เป็นต้น มีความว่า ญูสิมาระเป็นต้นใน
ปัญญาจักรวาลของสัตว์เหล่าใดมีน้อย สัตว์เหล่านั้น ชื่อผู้มีสูติในญาณ