ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - คติสนบนสาคริก อรรถาธิบายพระวินัยมหาวรรค ตอน ๑ - หน้าที่ 202
ขึ้นท่วมคามสิมและนิคมสิมาไหลไปตามคุคลา แม่น้ำนัน ย่อมเป็นแม่น้ำเหมือนกัน; สมควรทำกรรมได้.[๑๘๑] แต่ถ้าท่วมวิหาร-สิมา, ย่อมถึงคาบน้ำมันว่า "วิหารสิมา" ค่ะ. อธิบายทั้งหมดหลาย ผู้จะทำกรรมแม่น้าลเล่า, น้ำที่ขึ้นอย่างสูง ย่อมท่วมประเทศใดหรือ คลื่นตามปกติว่ากัน ย่อมท่วมประเทศใด, ไม่ควรทำกรรม ในประเทศนั้นๆ. แต่คลื่นตามปกติเกิดขึ้นแล้ว หยุดอยู่แค่ประเทศใด, ประเทศนั้น จำเดินแต่ชายฝั่งไป จัดเป็นภายในทะเล, ภิกษุทั้งหลาย พิง ตั้งอยู่ในประเทศนั้น ทำกรรมเกิด, ถ้ากำลังคลื่นรบกวน, พึงสังเกต อยู่บนเรือ หรือร้านระทำกรรม.
วิจินฉัยในเรือและร้านเหล่านั้น พึงทราบตามที่กล่าวแล้วใน แม่น้ำนั้นแล. ศิลาคดมีอยู่ในทะเล. บางคราว คลื่นนามร่วงศิลาคาด นั่น, บางคราวไม่ร่วง; ไม่ควรทำกรรมบนศิลาคาดนั้น. เพราะว่า ศิลาคาดนั้น ยอมนับเป็นคามสิมา ด้วย. แต่ถ้าเมื่อคลื่นมาดี ไม่มา ก็ดี ศิลาคาดนั้น อันน้ำตามปกตินั้นเองท่วมอยู่, ย่อมควร. เกาะหรือเขา มือยา, ถ้าเกาะ یاเขานั้น อยู่ในนานใกล ไม่เป็นทางไปของพวกวาระประทุง, เกาะหรืออิฐคาดนั้น ย่อมนับเข้า เป็นอธิญญาสิมา. ส่วนร่วมในแห่งปลายทางเป็นที่เป็นไปของพวก ชาวประมงเหล่านั้น นับเป็นคามสิมา. ไม่ชำระคามสิมาให้เรียบร้อย แล้ว ทำกรรมที่เกาะภูเขานั้น ไม่ควร. ทะเลท่วมคามสิมา หรือ นิคริมสิมาอยู่ คงเป็นทะเล; จำทำกรรมในทะเลนั้น ย่อมควร. แต่ถ้า ท่วมวิหารสิมา ย่อดึงความนับว่า "วิหารสิมา" ด้วย.