ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประกาย - คติสนับสักกีอรรถากพระวินัยมหาวรรค ตอน ๑ หน้า 122
กว่า "บิดาย่ำร่างไปแล้ว มารดาอนุญาตว่า "ท่านจงบวงสุกของดิฉัน" เกิด," เมื่อภิทกูลว่า "บิดาของเขาไปไหน?" เขากล่าวว่า "ท่านนะต้องการอะไรด้วยบิดา" ดั่งนี้; ควรให้บวชได้ มารดาคิดตาม ทรงเจริญในสัญญาทั้งหลายมีน้ำหญิงเป็นต้น, ครั้นเมื่อการนั้นอันภิกษุให้บวช สามารถหลายอาเศษทรามแล้ว จะอาจละเฉลาะหรือพากันดีเด่น; เพราะเหตุ นั้น, เพื่อการวิจารเสีย ภิกษุพึงบอกเล่าสีก่อน. จึงให้บวช. แต่เมื่อไม่บอกกล่าวก่อนให้บวช ก็มีอัตติ. ชนผู้รับบวชเลื่อนในเวลาที่เป็นเด็อกอาม ก็อาจเป็นมารดาบิดาได้ แม้ในมารดาบิดาชนิดนั้น ก็มีนั่นเหมือนกัน. บุตรอาศัยตน [คืออภิภู] เป็นอยู่, ไม่ได้อาศัยมารดาบิดา ถ้ามีบุรษานั้นเป็นพระราชา, ภิกษุต้องบอกเล่ามารดาบิดาก่อน. จึงให้บวช. ถ้าแม้ตรนั้นเป็นพระราชา, ภิกษุต้องบอกเล่าสีดก่อน. ๒๒ ถ้ามีขบวนแล้วสี่ตั้ง ๓ ครั้ง, ภิกษุควรถามแล้วถามอีกในเวลาที่เข้ามาแล้ว ก็ให้บวช. ถ้ามราดิบิดา กล่าวอย่างนี้ว่า "ลูกคนนี้สีดแล้วมาเรือน ไม่ทำการงานของเรา, เขามวชแล้วจะไม่วัดรองท่านทั้งหลายให้ด้วย, ก็จึงต้องบอก สำหรับลูกคนนี้ ไม่มี ท่านทั้งหลายพิษยังเขาซึ่งมาแล้วให้บวชเลย" ดังนี้, แม้จะไม่อีกยังลูกธูดราที่มารดาบิดาเทอ่งแล้วอย่างนี้ ให้บวช ก็คร. แม้บุตรใดอันมารดาบิดาเคยไหมให้ในเวลาที่อยู่เด็ก ที่เดียวยอย่างนี้ว่า "เด็กนี้ข้ามเข้าดาวยะท่าน, ท่านพึงให้บวชในเวลาที่ท่านปรารถนาเริ่ม" ดังนี้, แม้บุตรนี้, มาแล้ว ๆ ภิกษุพิพงบอก