ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - คติซึ่งคนปกติจะนำมาใช้เสมอๆคือ “แสวงหา” ซึ่งผู้ใดได้รับเพราะเหตุแห่งราชการใด ราชการนั้น เป็นกิจอันตนทำเสร็จแล้ว, หรือผู้ใดเป็นผู้ได้มาราชการว่า “เจ้า งบงบง” จะให้บุคคลแม่มันนบงควรอยู่.
[โจรวัตดุ]
พึ่งทราบวินฉันในเรื่องโจรทั้งหลาย:-
สองบทว่า มนุษฎา ปุตติวา มีความคิดเห็นว่าพระองค์คลิมลผ นั้น อันชนเหล่าใดเคยเห็นในวาดที่ท่านเป็นลูกน้อง’, และชนเหล่านั้น ได้ฟังต่อมาเหล่าอันว่า “ภูกษ์” คือ องคุลิมาลนั้น ขนเหล่านั้น ได้เห็นแล้ว ยอมหดใจบ้าง ยอมหวาดหวั่นบ้าง ยอมหิดประกูบ้าง แต่ท่านอ่อนยาได้กินมาในเรือนของเหล่านั้นมิรู้จัก.
บทว่า น ภิกขู มีความคิดเห็นว่าพระผู้มิพระถอพระองค์ เป็นเจ้าของแห่งธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อตรังบัญญัติสิบกบบาทแก่ภิกษุทั้งหลาย เพื่อความการมิให้กระทำต่อไป จึงตรัสอย่างนั้น.
วิจัยฉันในคำนี้ว่า โจรชื่อว่าชันธะ เพราะอธิภิวิเคราะห์ว่า คดผงธงเที่ยวไป. มีคำอธิบายว่า “เป็นคนโง่ดังในโลก เหมือน มูลเทพพากเป็นต้น.” เพราะเหตุนี้ ผู้ใดเที่ยวมิการามรามบ้านดี ฉัน รบ มูลเทพพาเป็นต้น." เพราะเหตุนี้ ผู้ใดผู้หนึ่งก็การมาชาวบ้านดี ตร
๗. ในพระบำรลิวันนี้เป็น ชชพโหร. ส่วนคำว่า มูลเทวาโโย โชชนะแก่อรรถว่า อาณิกุจ- เทวภาพโโย. ชชพโหร หมายความไปในทางมีเสียงโ.Descทางเสียงใดทางเสียงหนึ่ง เห็นเป็นมูลเทพ เทพคงเป็นต้น คำว่า มูลเทพโว ทางสันกฤต เป็นพระนามของท้าวกัลละ กษัตริย์ธรรชนแห่ง
แคว้นมธรา ทรงฆ่าทรรายากามยกกอง เพราะโหราทำว่า พระองค์จะถูกลายของหญิงงามหนึ่งปลพระชนม์ ด้วยความร้ายกาจนี้เอง ประชาชนพลเมืองจึงเห็นว่าสำฤทธิ เป็นอสูร เป็นมาร มูลเทพ โว จะมาเป็นตัวอย่างในคำว่า มูลเทพา โฉนี้ หรืออย่างไร ?