ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - คดีสนั่นปาสกีจอรรถาภพระวินัยมหาวรรณ์ ตอน ๑ หน้า 130
สะใจเสียได้ พึงให้ทำทัณฑกรรมแล้ว ให้แสดงโทษล่วงเกิน; เมื่อไม่ยอมสะนั้นแล พึงให้ฉันหายเสีย ดังนี้แล.
ผู้ศึกษาพิธาราบในฐานว่า องค์ ๑๐ ตางแผนก คือ ภิกขุ-ทูลโก นี้ อันพระผู้ม พระภาคทรงไว้ เพื่อแสดงเนื้อความนี้ว่า "จริงอยู่" มรรคนาสังจะ ๑๐ นี้ สามเณรผู้ไปพระยันบภิกขุเน อพระองค์ทรงถือเอาด้วยพระมาจิศฟ โดยแท้ ถึงกระนั้นก็สมควรจะให้ทรงแล้วให้ปฐมพงษ์สามเณรผู้ไปรานาญวานะดังอยู่ในสังสรต่อไป สามเณรผู้ไปพระยันบภิกขุ ถึงใคร่จะอยู่ในสังสรต่อไป ย่อมไม่ได้แม้งจึงบรรพชา ไม่จำต้องกล่าวถึงอุปสมบท." [เป็นทบทวด] สองท่าว ทหาร ทหาร ได้แก่ หนุม ๆ บทว่า โมลิคุล ได้แก่ ผู้มีร่างกายอวบ.
สองท่าว หฤทฺถิอญฺญ ได้แก่ คนเลี้ยงช้าง และคนเลี้ยงม้า.
ในคำว่า ปญฺญโญ ภิกขุป เป็นดังนี้ มีวิตินัฉัยว่า มันเทาะกัน มี ๕ ชนิด คือ อาสติบดเทาะก ๑ อูฐูบันเทาะก ๑ โอปิกมีย-บันเทาะก ๑ ปิงบันเทาะก ๓ นปุงสันต์เทาะก ๑.
ในบันเทาะก ๕ ชนิดนั้น บันเทาะกใดเอาปากอมของชาติ ของชานหามอีกุน ถุนัน้ำฤดูร้อนแล้ว ความเร่งรีบจึงสงไป, บันเทาะกนี้ ชื่ออาสติบดเทาะก.