ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - คติสนับสนา กั จรรยาวพระราชวัง มหาวรรต ตอน ๑ หน้า 134
ชนใดถือเทวในพระศาสนานี้ เพราะพระราชัย ทุทภิภัย กัน- ตรวภัย โรคภัย และวิริยภิภัก เพื่อำแนิอิวรมกดิ ชนนั้นมีใจ บริสุทธิ์ยังไม่บังสังแสงเพียงใด ชนนัน้นเต่งไม่กล่าวว่า เป็นคน เถยสังวาสา เพียงนั้น.
พึงทราบนัยพิสดารในคะแนนนั้น ดังนี้:-
พระราชาในโลกนี้ ย่อมเป็นผู้มีวิริย่อยออก บูรณูนันต์ คิดว่า "ความสวัสดิ์ดีมีแก่เราขอขวัญอย่างนี้" แล้วถือเผดเผาเอง ที่เดียวหนีไป. ชนทั้งหลายพบแล้ว กราบทูลแต่พระราชา. พระราชาทรงบรรเทาความกริ้วโกรธในเขาเสีย ด้วยทรงพระดำริว่า "ถ้า บวกแล้ว เราไม่ได้เพื่อจะทำอะไรเขา." [๘๐] แต่เขายังไม่ใข่เข้าไป ท่านกลางสง์ แต่ถือเผดเผาคุ้งแสนแล้วจึงมา ด้วยคิดว่า "ราชัย ของเราสงบแล้ว" ก็ยิ่งทั้งหลายควรให้บวช. ถ้าแม้เขาคิดความ สงเวชว่า "เราอภัยพระศาสนาจึงสงัดไว้ได้" เอาแต่ บัดนี้ เราจะบวชะ" ดังนี้ มาด้วยเพศนั้นเอง แต่ไม่นึอค่านกูวัด อันภิกษุทั้งหลายถามแล้วก็ฏิภาๆ ไม่ถามก็ถาม ได้จึงเจาะตามเป็น จริงแล้ว ขอบรรพชะ, กิฎฐ์ทั้งหลายก็ปลดเพศแล้วจึงให้บวช. แต่ ถ้าเขายึดควดปรร, แสดงท่าทางดังบรรพชิต, ปฏิบัติวิธีต่างโดยนั่น พรรษาเป็นต้น ซึ่งกล่าวแล้วในหนหลังทั้งหมด; ผู้นี้ไม่ควรให้ บวช.
อันยัง คนนบงคนในโลกนี้ ไม่สามารถจะเป็นอยู่ได้ในคราวุ ทุทภิภั ย, จึงถือเผดเผาเอง บริโภคอาหารที่เขาจัดไว้เพื่อนักบวช