ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโบย - คติสนับส่ิกา อรรถาธิบาย พระวินัยมหาวรร คณะ ๑ - หน้าที่ 201
ท่วม ในคราวฝนตกเกินไป เพราะว่าโอกาสนั้น ย่อมถึงความมั่นว่านเป็นความดีด้วย
ชนทั้งหลายเมื่อจะใช้น้ำจากแม่น้ำลำธาร ย่อมทำทำนบในแม่น้ำ และน้ำท่วมหรือเขาแทงทับนบนี้ไหลไป จะทำกรรมในที่ซึ้งน้ำไหลลง ซึ่งน้ำไหลทุกแห่ง ย่อมควร แต่ถ้ากระแสน้ำขลายด้วยท่านบกดี ด้วยถูกถมทะลพานดี คู่ น้ำอ้อมไม่ไหล จำทำกรรมในที่ซึ้งน้ำไม่ไหล ไม่ควร จะทำบังบอดท่านบก ไม่ควร ถาประเทศแห่งท่านบบ บางแห่ง น้ำท่วมถึง เหมือนประเทศแห่งเกล่นเกียและ เกะ ซึ่งกล่าวแล้วในหนหลัง จะทำกรรม ณ ประเทศแห่งท่านบนี้ทีท่านว ดังนั้น ย่อมควร เพราะว่าประเทศแห่งท่านบนน่อถึงความมั่นว่าว่ มหาน้ำเหมือนกัน ชนทั้งหลายจะกันแม่น้ำเสีย ทำให้เป็นบึง ก่อนดำไว้ก่อนนะ น้ำไหลมองอยู่เต็มบึง จะทำกรรมในบึงนี้ ไม่ควร น้ำที่เขาทิ้งเสียในที่ซึ้งไหลตอนบนและตอนล่าง (แห่งบึงนั้น) ย่อมควร จำเด็ดแด่ที่ฉันแล้วไหลลงสู่น้ำ ในเมื่อฝนไม่ตก ในคราวฝนแล้ง หรือในฤดูร้อนและในฤดูหนาว จะทำกรรมแม่ในแม่น้ำทีแท้ง ย่อมควร ในลำรางที่จะชักออกจากแม่น้ำ ไม่ควร ถ้าลำรางนั่นพึงกลายเป็นแม่น้ำในกาลอัน ย่อมควร แม่น้ำบางสาย
๔. ประในอรรถกถาว่า ว่า โกฎกฏพนอเนิน ว่า โโยนานหน้า ๒๔๖ แก้ว่า อาวรเดน วดี ทารอทติ นิคมบังทิวา อกนิวาวเดน โกฎกฏสุเทพน วดี มุตกีมา ปุรุตา กะเสดสุเทพน แมต์กะระเทบ ปัจฉก ปฎเสสบชร. แม้ก็จะเพี้ยนไปบ้างก็ตาม เสฐพน นาย ควมว่ากะ้ะทะสานตามความนิยมของภาษา เช่นในบทคฤคุตทีนี้ ภาค ๒ ตอน อนุวชุมุมภา หน้า ๒๕ มีคำว่าอุบาสกคนหนึ่ง . . . อุกกกเด มาติกา เสดฐ พนรติ ดังนั้นอัศจัยโยษา จึ่งได้แปลเช่นนี้ให้ได้ความสงสลลงไป